รีวิว MG4 XPOWER EV ตัวแรงมอเตอร์คู่ ชั่วโมงนี้ เจอใครก็ได้
ในที่สุดผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเอ็มจี ก็คลอดจากสายการผลิตออกมาให้คนไทยได้ชื่นชม ซึ่งผมว่า MG4 XPOWER น่าจะเป็นรถสมรรถนะดีที่สุด เท่าที่แบรนด์นี้เคยทำรถออกมาขาย
ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเตรียมประกาศราคาในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2024 ผมมีโอกาสได้สัมผัส MG4 XPOWER ที่สนามพีระ เซอร์กิต ชลบุรี ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เห็นข้อมูลทางเทคนิค และแนวทางการพัฒนา พร้อมลองขับ 4 รอบสนาม จึงกล้าเขียนเกริ่น รีวิว MG4 XPOWER ขึ้นมาแบบนี้
จ่ายเงินไม่ถึง 1.2 ล้านบาท ได้ EV ตัวถังแฮตช์แบ็ก มอเตอร์คู่กำลัง (หน้า-หลัง) กำลังสูงสุด 435 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร พร้อมขยับสเปกแบตเตอรี่เป็น NMC ความจุ 64 kWh MG4 XPOWER ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 480 กม. (NEDC) ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นมอเตอร์ตัวเดียวขับเคลื่อนล้อหลัง 170 แรงม้า ที่ใช้แบตเตอรี่เป็น LFP ความจุ 51 kWh วิ่งได้ 425 กม.
เรียกว่า แรงกว่า แถมวิ่งได้ไกลกว่า MG4 รุ่นมอเตอร์ตัวเดียว ราคา 8.69-9.69 แสนบาท ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ (ปลายปี 2565)
ผมว่า MG4 XPOWER เตรียมการวางแผนมาดีตั้งแต่โครงการอยู่บนกระดาษ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM พัฒนามาให้รองรับรถยนต์ไฟฟ้ามอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ และมุ่งมั่นปั้นบุคลิกแบบรถแบรนด์ยุโรป (รถนํ้ามัน, รถยนต์ไฟฟ้า) ทั้งฟิลลิ่งของการเป็นรถขับหลัง ช่วงล่างหนึบแน่น ควบคุมดี เรียกว่า MG4 XPOWER ขยับสมรรถนะเข้าไปใกล้เคียงมากที่สุดแล้ว
รีวิว MG4 XPOWER ตัวถังขนาดกะทัดรัด สไตล์แฮตช์แบ็ก ซึ่งรถทรงประมาณนี้ที่ยุโรปชอบกันมาก กับความยาว 4,287 มม. กว้าง 1,836 มม. สูง 1,516 มม. ระยะฐานล้อ 2,705 มม. และระยะตํ่าสุดจากพื้น 117 มม. มาพร้อมช่วงล่าง ระบบเบรกที่ปรับปรุงให้สอดรับกับกำลังรถที่เพิ่มขึ้น
โครงสร้างช่วงล่างหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบ 5 จุดยึด ที่ปรับความหนืดของโช้คอัพ เช่นเดียวกับค่า K สปริงใหม่ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว (รุ่นมอเตอร์เดี่ยวใช้ล้อ 17 นิ้ว) ประกบยางบริดจสโตน ทูรันซ่า 234/45 R18 พร้อมดิสก์เบรกสี่ล้อ ที่ปรับขนาดจานให้หนาและใหญ่ขึ้น
ผมลองขับ MG4 XPOWER ที่สนามพีระ เซอร์กิต รู้สึกประทับใจกับโหมด Sport มากที่สุด เพราะยิ่งถ้าคุณอยากขับแบบดุดัน ในสนามแบบปิด พื้นแทรคโล่งๆ และรถทุกคันขับไปในทิศทางเดียวกัน (ไม่มีรถสวน) จะลดปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ลงไปเยอะ
ดังนั้น การทดสอบนี้ ผมจึงพยายามสาดซัดอย่างเต็มที่ เพื่อดูขีดจำกัดของรถ EV จีน คันนี้ว่า ไปได้ขนาดไหน
ในโหมด Sport รถจะพยายามขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา โดยมอเตอร์หลัง 231 แรงม้า จะมีสัดส่วนในการขับเคลื่อนมากกว่ามอเตอร์หน้า 204 แรงม้า กล่าวคือรถจะใช้กำลังลงไปที่เพลาหลัง-หน้าในสัดส่วนตั้งแต่ 90%:10% และแปรผันไปถึง 50%:50% ตามสภาพการ ขับขี่ (แต่ถ้าโหมด Normal จะเน้นขับหลัง 100% ก่อน จนสภาพการขับขี่เปลี่ยนไปมอเตอร์หน้าถึงจะเข้ามาช่วย)
รีวืว MG4 XPOWERสัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที รับรู้อาการกระชากแบบหลังติดเบาะ อย่างช่วงทางตรงหน้าเมนสแตนกดมิดคันเร่ง พละกำลังตอบสนองฉับไว ไล่ไปถึง 160 กม./ชม.ได้อย่างรวดเร็ว
สนามนี้ส่วนใหญ่เป็นโค้งสั้นและต่อเนื่อง บางช่วงลัดเลาะตัดเนิน MG4 XPOWER ยังถ่ายเทนํ้าหนักได้ยอดเยี่ยม รถอยู่ภายใต้การควบคุม ตามที่สายตาและสมองสั่งงาน ซึ่งผมว่า เอ็มจี ยกระดับสมรรถนะขึ้นไปจาก EV จีนรุ่นอื่นๆ ในเซกเมนต์ หรือระดับราคาใกล้เคียงกัน
ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ที่เห็นแล้วเตะตาก็มีใบปัดนํ้าฝนหลังที่เพิ่มเข้ามา และกระจังหน้า ด้านใต้มีครีบเปิด-ปิดอัตโนมัติ คือรถจะสั่งให้ปิดหากต้องการหลักแอโรไดนามิกที่ดี และมีบางช่วงที่ครีบจะเปิด เพื่อรับอากาศเข้าไปช่วยระบายความร้อนในระบบต่างๆ ของรถ
ในส่วนการชาร์จยังเพิ่มสเปกของออนบอร์ดชาร์เจอร์ DC เป็น 140 kW AC 11 kW (ถ้ารุ่นมอเตอร์เดี่ยว 88 kW และ 6.6 kW ตามลำดับ)
รวบรัดตัดความ...ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของทีมพัฒนาเอ็มจี และโชคดีที่บ้านเราใช้รถพวงมาลัยขวาแบบอังกฤษ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ ดังนั้นเอ็มจีมีของดีทีเด็ดอะไร ที่ส่งไปขายยังสหราชอาณาจักรแล้ว ประเทศไทยก็จะได้รับอานิสงส์นี้ด้วย (มีรถนำเข้ามาทำตลาดอย่างรวดเร็ว หลังการเปิดตัวในจีนซึ่งเป็นรถพวงมาลัยซ้าย) MG4 XPOWER น่าจะเป็นรถสมรรถนะดีที่สุดของเอ็มจี เท่าที่ผมเคยขับมา กับรถ EV แฮตช์แบ็กตัวโหด สามารถท้าชน ทั้งรถ ICE และ EV ในระดับ ราคานี้ ได้ทุกยี่ห้อครับ
รีวิว MG4 XPOWER : กรกิต กสิคุณ
