EV ดันยอดผลิต -ยอดขายรถใหม่-ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนก.ย.68 พุ่ง

22 ต.ค. 2568 | 10:50 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2568 | 11:04 น.

ส.อ.ท.เผย EV -PPV รุ่นใหม่ดันยอดผลิตรถยนต์ -ยอดขายรถใหม่ป้ายแดง และ ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนกันยายน 68 พุ่ง

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดผลิตรถยนต์ ยอดขายรถใหม่ และการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป โดยในเดือนกันยายน 2568 ไทยผลิตรถยนต์ 128,104 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.77 โดยไทย ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 6,410 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 332.81 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 9,155 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.15 ส่งออก 86,056 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.23 ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้า 967 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 ส่งออกรถกระบะไฟฟ้า 41 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 100


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์รวมในเดือนกันยายน 2568 ที่เพิ่มขึ้นมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้า ที่ต้องผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศนับตั้งแต่ปี 2565 -2566 ขณะเดียวกันยอดผลิตที่เพิ่มขึ้นยังมาจากรถ PPV หรือกระบะดัดแปลง ที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาทำให้ยอดผลิตเติบโต 

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  

 

สำหรับยอดผลิตรถยนต์ในไทย ยอดขายรวมไปถึงยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนกันยายน 2568 จะมีจำนวนกี่คัน สามารถตรวจสอบรายละเอียดดังนี้

ยอดผลิตเดือนกันยายน 2568 เติบโตร้อยละ 4.77 

จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกันยายน 2568 มีทั้งสิ้น 128,104 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 4.77 จากการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าชดเชยการนำรถยนต์นั่งไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศปี พ.ศ. 2565 - 2566 และผลิตรถกระบะดัดแปลง PPV เพื่อส่งออกและจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการออกรุ่นใหม่ของบางบริษัท ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์รุ่นนี้เติบโตร้อยละ 29.95

ส่วนจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - กันยายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,075,801 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กันยายน 2567 ร้อยละ 4.63

ยอดผลิตเดือนกันยายน 2568 เติบโตร้อยละ 4.77 

EV หนุนยอดขายรถใหม่ป้ายแดง ด้านกระบะยังทรุด 

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนกันยายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,350 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 23.82 โดยเป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังเติบโตดีเพราะหลายรุ่นมีราคาที่ถูกลงจนสามารถซื้อได้มากขึ้นรวมทั้งเทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้าน่าสนใจมากขึ้น ในส่วนของรถกระบะยังคงขายลดลงร้อยละ 4.00 เนื่องจากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหลักฐานการเงินอ่อนแอจากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราต่ำ ค่าครองชีพสูง และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงติดลบ แรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีรายได้ลดลงจึงขาดกำลังซื้อ ผู้ขายสินค้าอื่น ๆ และอาหารรวมทั้งการท่องเที่ยวมีรายได้ลดลง
ขณะที่ตัวเลขยอดขายรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายน 2568 มียอดขาย 477,969 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 2.12 

EV หนุนยอดขายรถใหม่ป้ายแดง ด้านกระบะยังทรุด 

กระบะ -PPV -EV หนุนส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเติบโต

ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนกันยายน 2568 ไทยส่งออกได้ 86,056 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 7.23 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นมาจากการส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้น รวมทั้งรถกระบะดัดแปลง PPV ที่มีบางบริษัทออกรุ่นใหม่และส่งออกเป็นครั้งแรก ขณะที่รถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าส่งออกเพิ่มขึ้น แต่รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในส่งออกลดลงร้อยละ 16.97 ทั้งนี้ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของไทยเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้

ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2568 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 689,031 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 10.39 
กระบะ -PPV -EV หนุนส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเติบโต