รู้ยัง!สัญญาณเตือนแบบไหน ต้องรีบเช็ก-ล้างระบบแอร์ในรถยนต์

18 พ.ค. 2565 | 07:52 น.

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการดูแล-ทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์ เช็กเลยสัญญาณเตือนแบบไหนต้องรีบนำรถเข้าเช็คระบบแอร์ พร้อมแนะเคล็ดลับการดูแลรักษาระบบแอร์ในรถยนต์

สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับการดูแลรักษา-ทำความสะอาดระบบแอร์ในรถยนต์ โดยระบุว่าคุณภาพอากาศในรถ และการทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์  คือสิ่งที่ผู้ใช้รถต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงช่วยให้แอร์ในรถเย็นสบายเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้แอร์และคอมเพรสเซอร์แอร์ ลดการสะสมของสิ่งสกปรก ดีต่อสุขภาพของผู้ขับขี่ด้วย 

 

โดยควรตรวจเช็ก และทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์คือประมาณ 1 ปีขึ้นไปต่อครั้ง หรือทุกๆ 20,000 กิโลเมตรขึ้นไป  นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ของแต่ละคนด้วย เช่น การนำของกินขึ้นมารับประทานบนรถ  ปริมาณฝุ่นที่ติดมากับรองเท้า การใช้น้ำหอมดับกลิ่นในรถที่มีลักษณะเป็นเจล มีผลให้ตู้แอร์ตันเร็วขึ้น 

รู้ยัง!สัญญาณเตือนแบบไหน ต้องรีบเช็ก-ล้างระบบแอร์ในรถยนต์
 

ข้อสังเกตสัญญาณเตือนรีบนำรถเข้าเช็กระบบแอร์ 

  • แอร์ไม่เย็น อาจเกิดจากท่อแอร์รั่ว มีรอยแตก หรือน้ำยาแอร์น้อยเกินไป
  • แอร์มีกลิ่นอับ  อาจเกิดจากความชื้นที่สะสมตลอดการใช้งาน
  • แอร์เสียงดังผิดปกติ  มอเตอร์แอร์หรือคอมเพรสเซอร์อาจมีปัญหา
  • มีน้ำหยดในห้องโดยสาร  อาจเกิดจากท่อแอร์ตัน


 

เคล็ดลับดูแลระบบแอร์ 

  • เคาะพรมทันทีเมื่อลงจากรถ เนื่องจากพัดลมแอร์มีตำแหน่งอยู่ใกล้กับพรมรองเท้า พัดลมแอร์จะดูดสิ่งสกปรกเข้าไป ทำให้ตู้แอร์ตันเร็วขึ้น

 

  • หลังสตาร์ทรถ ให้เปิดพัดลมแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อน จากนั้นจึงค่อยกดปุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์ และก่อนดับเครื่องยนต์ ให้ปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อน เปิดแต่พัดลมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อไล่ความชื้น

 

  • หากไม่ได้ใช้รถ ให้เปิดหน้าต่างรถยนต์ทุกบาน ให้อากาศถ่ายเทและเป็นการไล่ความชื้นภายในรถ

 

  • เปลี่ยนไส้กรองอากาศแอร์ตามระยะที่ผู้ผลิตรถกำหนดเป็นประจำ เพื่อให้ระบบแอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น