ชาริช คว้า Koenigsegg เสริมทัพ Lamborghini

16 ต.ค. 2563 | 05:43 น.

ชาริช โฮลดิ้ง คว้าสิทธิ์ขาย Koenigsegg ไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน เสริมทัพพอร์ตตัวแรงกับ Lamborghini ของอิตาลี

ชาริช โฮลดิ้ง ภายใต้การนำทัพของ อภิชาติ ลีนุตพงษ์ เพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ หลังได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่าย “เคอนิกเส็กก์” (Koenigsegg) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด

นั้นหมายความว่า Koenigsegg Lamborghini รถระดับไฮเพอร์ฟอร์แมนต์ 2 แบรนด์ ที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของ“นิชคาร์” โดย “เสี่ยแชมป์ วิทวัส ชินบารมี” จะตกมาอยู่ในมือของ “อภิชาติ ลีนุตพงษ์” ทั้งหมด

สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ของ ชาริช โฮลดิ้ง ในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 นำ Koenigsegg รุ่นใหม่ คือ Jesko Absolut และ Gemera มาอวดโฉมครั้งแรกในเมืองไทย

ชาริช คว้า Koenigsegg เสริมทัพ Lamborghini

ชาริช คว้า Koenigsegg เสริมทัพ Lamborghini

สำหรับ Koenigsegg Jesko Absolut จะเป็นไฮเปอร์คาร์ที่เร็วและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์นี้ และสัญญาว่าในอนาคตจะไม่ผลิตรถ ICE ที่แรงกว่านี้อีกแล้ว (ส่วนหนึ่งเพราะจะขยับเป็นไฮบริดและ EV)

Koenigsegg Jesko Absolut วางเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 1,280 แรงม้า และจะโหดยิ่งขึ้นเป็น 1,600 แรงม้า เมื่อเติมแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งกำลังด้วยเกียร์มัลติคลัตช์ 9 สปีด ความเร็วสูงสุดเกือบ 500 กม./ชม.

โดย Koenigsegg Jesko Absolut ผลิตแค่ 125 คันทั่วโลก หากนำเข้ามาขายในเมืองไทยมูลค่าต้องเกิน 100 ล้านบาทแน่นอน

ขณะที่ Koenigsegg Gemera เป็นไฮเปอร์คาร์แนวแกรนด์ทัวริ่ง 4 ที่นั่ง สามารถเก็บกระเป๋าสัมภาระได้ 4 ใบ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ (มีชื่อว่า Tiny Friendly Giant - TFG) เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังรวม 1,700 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 3,500 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ 1.9 วินาที ผลิต 300 คันทั่วโลก ด้วยราคาขาย 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (52 ล้านบาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย)

จากนี้ไปต้องจับตาดู Koenigsegg ภายใต้อาณาจักร “ชาริช โฮลดิ้ง” ของ “อภิชาติ ลีนุตพงษ์” แม้จะเป็นไฮเปอร์คาร์ยอดขายหลักหน่วยต่อปี แต่เชื่อว่าการขยับแต่ละครั้ง สามารถสร้างสีสันและเรียกเสียงฮือฮาให้วงการยานยนต์ไทยได้พอสมควร 

 

หน้า 15  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,619 วันที่ 18 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563