“เควิชั่น” ลงทุน “เซลลี่” สตาร์ทอัพเวียดนาม รุกตลาดสินเชื่อรายย่อย

นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (เควิชั่น) เปิดเผยว่า เควิชั่น ได้ร่วมลงทุนใน เซลลี่ (Selly) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเซียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce Platform) ดาวรุ่งของประเทศเวียดนาม ที่มีศักยภาพด้วยยอดการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันที่สูง (High engagement rate)

และมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมความต้องการของประชากรทุกลุ่ม อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว รวมทั้งทีมผู้บริหารของเซลลี่มีประสบการณ์ในด้านการทำธุรกิจเทคสตาร์ทอัพ

การลงทุนครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ธนาคารกสิกรไทยได้เข้าไปร่วมทำงานกับเซลลี่ในการพัฒนาบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้แก่ชาวเวียดนามได้ในอนาคต ทั้งบริการระบบการชำระเงินและธุรกรรมต่าง ๆ และบริการด้านสินเชื่อเงินกู้ยืมสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย

โดยคาดว่าลูกค้าของเซลลี่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่มียอดขายต่อเดือนที่สม่ำเสมอจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการด้านสินเชื่อนี้ และมีความสามารถในการชำระคืนที่ดี ทั้งนี้ การลงทุนในครั้งนี้ เควิชั่นได้ลงทุนผ่านบริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด ซึ่งเป็น Venture Capital ของธนาคารกสิกรไทย

ด้าน นายต๋วน ถง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซลลี่  กล่าวเพิ่มเติมว่า เซลลี่ถือเป็นผู้เล่นธุรกิจแพลตฟอร์มโซเซียลคอมเมิร์ซรายใหม่ของเวียดนาม ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างสูงทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากเปิดให้การบริการไปแล้วเพียง 10 เดือนปัจจุบันเซลลี่มีมูลค่ารวมค่าสินค้า (Gross Merchandise Value) เติบโตถึง 300 เท่า จำนวนผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 300,000 รายบนแพลตฟอร์ม

นับว่ามีจำนวนผู้ประกอบการรายย่อยบนแพลตฟอร์มสูงสุดเมื่อเทียบกันกับแพลตฟอร์มโซเซียลคอมเมิร์ซอื่น ๆ ในประเทศเวียดนาม การระดมทุนในรอบนี้ของเซลลี่ มาจากบริษัทผู้ลงทุนรวม 5 บริษัท ได้แก่ Do Ventures, Genesia Ventures, Cyber Agent Capital, Jafco Asia และเควิชั่น

โดยหลังการระดมทุนรอบนี้เซลลี่ตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากการเติบโตอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่มีความเสี่ยงด้านการลงทุนในสินค้าคงคลัง