BAY ควัก 5,501 ล้านบาท ซื้อกิจการ "บล.โนมูระ พัฒนสิน"

30 มิ.ย. 2565 | 11:58 น.

บอรด์ "ธนาคารกรุงศรีอยุธยา" มีมติรับทราบ บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการ "บล.โนมูระ พัฒนสิน" ส้ดส่วน 99.1% จาก Nomura Asia Investment (Singapore) เตรียมซื้อหุ้นที่เหลืออีก 1.9% จากรายย่อย มูลค่าเงินลงทุนรวม 5,501 ล้านบาท หนุนการเติบโตด้านธุรกิจหลักทรัพย์ของกลุ่มแข็งแกร่ง

นายเซอิจิโระ อาคิต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา (BAY) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนว่า คณะกรรมการมีมติรับทราบการบรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการ โดยการซื้อหุ้นในสัดส่วน 99.1% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน  (CNS) จาก Nomura Asia Investment (Singapore) Pte Ltd. (NAIS)

นายเซอิจิโระ อาคิต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา

BAY ยังมีความตั้งใจที่จะรับซื้อหุ้นในอัตราไม่เกิน 0.9% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ CNS จากผู้ถือหุ้นรายย่อยของ CNS รวมสูงสุดอัตรา 100% ของหุ้นที่จำหนายได้แล้วทั้งหมด มูลค่ารวมสูงสุดประมาณ 155.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,501 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1ดอลลาร์ฯ เท่ากับ 35.416บาท ณ วันที่ 27 มิ.ย.2565)

ธุรกรรมดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ BAY ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ/หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการของ CNS ครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกรุงศรีในการสร้างการเติบโตของธุรกิจหลักทรัพย์ของกรุงศรีและเสริมความแข็งแกร่งให้กับกรุงศรีในฐานะพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ (Trusted Partner)

 

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพของ CNS และชื่อเสียงที่มีมาอย่างยาวนานในเรื่องของผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายและครอบคลุม รวมทั้งความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยที่เป็นที่รู้จัก การทำธุรกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ของเราในการสร้างการเติบโตและขยายธุรกิจหลักทรัพย์ของกรุงศรี พร้อมกับเสริมความแข็งแกร่งให้กับกรุงศรีในฐานะพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ

 

"เราหวังว่าจะได้ต้อนรับและร่วมงานกับทีมผู้บริหารและพนักงานของ CNS เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ตลอดจนขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั่งนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ขณะเดียวกันขอให้ลูกค้าของ CNS มั่นใจได้ว่าบริการต่างๆ จะยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ"นายอาคิตะกล่าว

 

CNS ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย โดยมีชื่อเสียงมายาวนานในด้านการให้บริการหลักทรัพย์แก่ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ธุรกิจการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ธุรกิจค้าตราสารหนี้ ธุรกิจการยืมและใยืหลักทรัพย์ และธุรกิจการเป็นตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน

 

สำหรับการประเมินมูลค่ายุติธรรมของ CNS ธนาคารและบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินได้กำหนดมูลค่ายุติธรรมด้านวิธีการต่างๆ ได้แก่ วิธีการ Dividend Discount Model วิธีเปรียบเทียบตราส่วนทางการเงินของกิจการในอุตสาหกรรมเดียวกันและวิธีเปรียบเทียบธุรกรรมการซื้อขายกิจการในอุตสาหกรรมในอดีตที่มีความใกล้เคียงกัน โดยราคาซื้อขายสุดท้ายเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยมีบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของธนาคาร

 

ธนาคารคาดว่า การเข้าซื้อกิจการ CNS จะส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งข้นของธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคาร โดยจะสร้างการเติบโตในธุกิจในใลค่าการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ของธนาคาร โดยหากรวมมูลค่าการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ของ CNS กับมูลค่าการให้บริหารซื้อขายของธนาคาร ส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมจะเพิ่มไปสู่ 15 อันดับแรกของบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยทั้งหมด

 

ทั้งนี้ หากวัดจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2564 โดยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจะก่อให้เกิด Economies of scale ในธุรกิจหลักรัพย์ของธนาคาร จะส่งผลให้ธนาคารสามารถบริหารจัดการต้นทุนและพิ่มอัตราการทำกำไรของธุรกิหลักทรัพย์ของธนาคารได้ในระยะยาว

 

นอกจากนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคารจะได้ประโยชน์จากการรวมทีมนักวิเคราะห์ของ CNS ส่งผลให้ธนาคารสามารถรวมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้นของทีมนักวิเคราะปัจจุบันและของ CNS เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดทำบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพมากขึ้น ส่วนแหล่งเงินทุนที่ใช่ในครั้งนี้มาจากเงินทุนภายในของธนาคาร