แรงซื้อทองคำแผ่ว หวั่นติดดอยที่ 3 หมื่นบาท

การเคลื่อนไหวราคาทองคำ (Gold Spot) ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 1,845.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์เทียบจากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 1,829.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.9% แต่หากเทียบกับช่วงสูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับขึ้นกว่า 13.20% ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับขึ้น 1,400 บาท อยู่ที่ 30,500 บาทจากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 28,650 บาทและราคาทองคำรูปพรรณปรับขึ้น 1,380 บาทจาก 28,030 บาทเป็น 29,410 บาท

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า โอกาสลงทุนในทองคำช่วงที่เหลือปีนี้ ในแง่การลงทุนมองว่า ยังเป็นโอกาสจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอีก แต่หากสถานการณ์คว่ำบาตรรัสเซียไม่นำไปสู่การเกิดสงครามที่รุนแรงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะทำให้ราคาทองคำระยะยาวมีโอกาสปรับลดลงได้อีก

อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนสูง หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด จะทำให้ราคาพลิกกลับได้ จึงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อเนื่อง เพราะยังขึ้นกับการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยหลายรอบตามตลาดคาด ราคาทองจะปรับลดลง

“ระยะสั้น เป็นโอกาสลงทุนทองคำ เพื่อเฉลี่ยเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน เพราะถ้ามองในแง่เงินเฟ้อ มูลค่าทองคำจะลดลงและเงินบาทอ่อนค่าลง 7-8% หากเทียบกับเงินฝากยังไม่คุ้มหรือเสียโอกาส จึงเหมาะลงทุนทองคำป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน ส่วนระยะยาวถ้าสงครามรุนแรง ราคาทองคำจะพลิกกลับ ตลาดผันผวน แต่หากเทียบกับต้นปีที่ราคาปรับขี้นและเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาทองคำทรงตัว ซึ่งคนถือทองคำ ก็ไม่ถึงกับขาดทุน”นายจิตติกล่าว

นายจิตติกล่าวว่า ช่วง 5 เดือนปีนี้ พฤติกรรมการซื้อทองคำซาลง ทั้งทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ ส่วนหนึ่งมาจากคนนำทองคำออกขายทำกำไรในช่วงที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก บางส่วนขายเพื่อนำเงินมาจุนเจือค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ขณะที่คนส่วนใหญ่มีค่าครองชีพสูงขึ้น แถมมีเรื่องเปิดเทอมเข้ามาด้วย 

นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัดกล่าวว่า ปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ 30,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งทรงตัวในระดับนี้้่มานานแล้ว จึงเป็นคำถามจากนักลงทุนว่า จะเป็นราคาติดดอยหรือเป็นฐานใหม่ของราคาทองหรือไหม 

อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำจะยืนที่ 30,000 บาทต่อบาททองคำ ขึ้นกับ 2 ปัจจัยคือ ราคาทองคำโลกหรือ Gold Spot ต้องอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์และเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยจะกำหนดทิศทางราคาทองคำในช่วงที่เหลือ ของปี หากเงินบาทแข็งจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็งขึ้น อาจทำให้ราคาทองปรับลดลงได้

ส่วนราคาทองคำโลกกำลังติดตามกันอยู่ว่า จะยืนที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือไม่ ในช่วงนี้ จึงเหมาะที่นักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นได้ โดยแนะนักลงทุนไทยซื้อเฉลี่ย 3-4 ไม้สามารถซื้อได้เลย เพราะราคาทองคำตอนนี้ต่ำกว่า 30,000 บาท เช่น อาจจะเข้าซื้อที่ราคาประมาณ 29,500 บาท และ 29,000 บาท ้เพราะนักลงทุนจะมองตัวเลขเป็นช่วงราคา ซึ่งจะวิ่งอยู่ 3 ราคา เช่น 30,000 บาท 29,500 บาท และ29,000 บาท ซึ่งจะเห็นในไตรมาส 2 ของปีนี้เท่านั้น

“จริงๆ การซื้อทองคำช่วงนี้ นักลงทุนไทยไม่เน้นเก็งกำไรนัก แต่ถ้าเก็งกำไรนักลงทุนจะไปลงทุนในตลาดฟิวเจอร์มากกว่าลงทุนทองคำแท่ง ส่วนไตรมาส 3 ต้องติดตามปัจจัยเฟด จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร จะขึ้นดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน หากเฟดปรับดอกเบี้ยเชิงรุกอาจทำให้ราคาลง แต่หากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มสดใส ราคาทองอาจจะไม่แพงมากในอนาคต”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ราคาทองคำขึ้นไปสูงสุดเดือนมีนาคมที่ 2,070 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับสิ้นปีก่อนเพิ่มขึ้น 13.2% หลังจากนั้น ตลาดหันมาโฟกัสเรื่องเฟดจะลดงบดุล(QT) และปรับขั้นดอกเบี้ย ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จึงกดราคาทองคำปรับตัวลงมาเป็นระยะๆ

ล่าสุด 2 มิถุนายนอยู่ที่ 1,846.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำโลกที่ทะลุ 2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงพีคเดือนมีนาคมทำให้มีการส่งออกทองคำสุทธิ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยชะลอเงินบาทไม่อ่อนค่ามากไปกว่าปัจจุบัน

ทั้งนี้เห็นได้จากภาพรวม 4 เดือนแรกปีนี้ยอดส่งออกทองคำสุทธิ 1,748 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินบาทปีนี้อ่อนค่าแล้ว 2.8% ซึ่งน้อยกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาคที่อ่อนค่าเฉลี่ย 3-5% สะท้อนการส่งออกทองคำสุทธิ ช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,789 วันที่ 5 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2565