สินค้าแพง กดดันดัชนี KR-ECI ร่วง2เดือนติด ครัวเรือน 40%ใช้จ่ายลดลง

10 พ.ค. 2565 | 11:11 น.

สถานการสินค้าราคาสูง กดดันดัชนี KR-ECI ร่วงลงอยู่ในระดับต่ำ 2 เดือนติดต่อกัน -ผลสำรวจครัวเรือนกว่า 40% มีแนวโน้มใช้จ่ายลดลง กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการจ้างงานต่อเนื่องไปในระยะข้างหน้า

ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน ยังมีแนวโน้มเปราะบาง หลังภาครัฐปรับมาตรการตรึงราคาสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมันและก๊าซหุงต้ม

 

ในเดือนเม.ย. 65 ผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังบ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาที่สินค้าที่อยู่ในระดับสูง

 

สินค้าแพง กดดันดัชนี KR-ECI ร่วง2เดือนติด ครัวเรือน 40%ใช้จ่ายลดลง

โดยดัชนี KR-ECI ปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าเดือนเม.ย.65 ลดลงอยู่ที่ 32.5 และ 35.5 จาก 33.4 และ 36.1 ในเดือนมี.ค.65 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีพบว่า

 

ครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นอย่างมากเกี่ยวกับ “ราคาอาหารและเครื่องดื่ม” “ราคาพลังงาน” และ “ราคาสาธารณรูปโภค“ หลังภาครัฐยกเลิกการตรึงราคาก๊าซหุงต้มและทยอยปรับราคาแบบขั้นบันได

 

รวมถึงในเดือนพ.ค. 65 ได้ยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร และจะเริ่มทยอยปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดเช่นกัน ขณะที่มาตรการคนละครึ่งระยะที่สี่สิ้นสุดลงในเดือนที่ผ่านมา 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรับมือของครัวเรือนกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นพบว่าส่วนมาก 29.9% จะซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในขนาดเล็กลง หรือเปลี่ยนยี่ห้อที่มีราคาถูกลง

 

นอกจากนี้ได้มีการสำรวจเพิ่มเติมหลัง “มาตรการคนละครึ่ง” ระยะที่สี่สิ้นสุดลงว่าจะมีผลต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนอย่างไร โดยมีครัวเรือนกว่า 40% ระบุว่าจะใช้จ่ายลดลง

 

เนื่องจากจำนวนเงินเท่าเดิมจะซื้อสินค้าได้ลดลง ผลสำรวจเพิ่มเติมดังกล่าวสะท้อนถึงทิศทางการจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มลดลงซึ่งจะกระทบต่อภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานต่อเนื่องไปในระยะข้างหน้า

 

สถานการณ์ราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูงจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนต่อเนื่องไปอย่างน้อยครึ่งแรกของปี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาพลังงานโลกตลอดจนการส่งผ่านราคาสินค้ามายังผู้บริโภคเป็นสำคัญ

 

ขณะที่มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐทั้งในส่วนของการเยียวยา หรือมาตรการเงินอุดหนุน/ช่วยเหลือเริ่มทยอยหมดลง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในช่วงที่รายได้และการจ้างงานยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เต็มที่และราคาสินค้ายังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

 

อีกทั้งเมื่อพิจารณาหนี้ครัวเรือนพบว่ายังอยู่ในระดับสูงส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังมีแนวโน้มเปราะบาง  ภาครัฐอาจจำเป็นเข้ามามีส่วนช่วยประคับประคองไม่ว่าจะเป็นในฝั่งรายได้หรือการผ่อนปรนภาระการครองชีพ

 

ระดับราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูงและยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อกดดันดัชนี KR-ECI เดือนเม.ย.65 ให้ลดลงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

 

เดือนเม.ย.65 ที่ผ่านมา ภาครัฐได้ยกเลิกมาตรการตรึงราคาก๊าซโดยปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 333 บาทจาก 318 บาทต่อ 15 กิโลกรัม และจะทยอยปรับราคาขึ้นเป็นแบบขั้นบันได

 

นอกจากนี้ในเดือนพ.ค 65 ภาครัฐจะยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรต่อเนื่องจากการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ในเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูงยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจและสร้างความกังวลให้ภาคครัวเรือนมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบันกดดันให้ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและ

 

ภาคครัวเรือนปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าลดลงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 32.5 และ 35.5 จาก 33.4 และ 36.1 ในเดือนมี.ค. 65 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีปัจจุบันพบว่าลดลงอยู่ในระดับต่ำเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะในส่วนของราคาสินค้าผู้บริโภค หมวดอาหารและเครื่องดื่ม

 

รวมถึงพลังงาน บ่งชี้ว่าครัวเรือนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของราคาสินค้าจำเป็นดังกล่าวซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนเม.ย. 65 ที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 4.65% YoY แม้อัตราการเพิ่มขึ้นรายปีจะชะลอลงจากเดือนก่อนแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง

 

อีกทั้งดัชนีย่อยในส่วนของเนื้อสัตว์ (+6.86%) ไข่และผลิตภัณฑ์นม (+9.89%) รวมถึงค่ายานพาหนะและขนส่งและการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นถึง 10.73% หรือเมื่อมองในภาพรวมของค่าใช้จ่ายครัวเรือนรวมในเดือนเม.ย.65 อยู่ที่ 17,681 บาท จาก 16,895 บาทในเดือนเม.ย.64  (+4.65%)

 

จะเห็นได้ว่าราคาสินค้าจำเป็นยังอยู่ในระดับสูงซึ่งจะบั่นทอนกำลังซื้อของครัวเรือนที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ เนื่องจากสถานการณ์การจ้างงานและรายได้ยังไม่ได้กลับมาปกติ นอกจากนี้มาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 ได้สิ้นสุดโครงการลงโดยยังไม่ได้มีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐเพิ่มเติม (ล่าสุดมี 10 มาตรการที่เน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย)

สินค้าแพง กดดันดัชนี KR-ECI ร่วง2เดือนติด ครัวเรือน 40%ใช้จ่ายลดลง

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมว่าครัวเรือนจะมีวิธีการรับมือกับระดับราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างไร ผลสำรวจระบุว่า 29.9% ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีขนาดเล็กลงหรือเปลี่ยนยี่ห้อให้มีราคาถูกลง

 

ขณะที่ 14.5% ลดการใช้จ่ายในกิจกรรมที่ไม่จำเป็น บ่งชี้ว่าครัวเรือนมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยลดลง อย่างไรก็ดี มี 16.6% ที่เพิ่มช่องทางในการหารายได้เสริม

 

นอกจากนี้ยังได้มีการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวการสิ้นสุดโครงการคนละครึ่งระยะที่สี่ (มี.ค.-เม.ย.65) ว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนอย่างไร  ผลสำรวจระบุว่ามี 40.8% ที่เมื่อโครงการคนละครึ่งจบลงจะใช้จ่ายลดลง

 

โดยภาพรวมจากผลสำรวจเพิ่มเติมสะท้อนว่าผลกระทบจากสินค้าราคาสูงได้เริ่มส่งผ่านมาถึงการปรับลดการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการฟื้นตัวภาคธุรกิจ และการจ้างงานต่าง ๆ

 

สินค้าแพง กดดันดัชนี KR-ECI ร่วง2เดือนติด ครัวเรือน 40%ใช้จ่ายลดลง

ในภาวะที่รายได้ของครัวเรือนยังไม่กลับมาเต็มที่ การจ้างงานยังมีแนวโน้มเปราะบาง ราคาสินค้ามีแนวโน้มปรับสูงขึ้น (รายได้ลดลง หรือคงที่แต่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น)

 

ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงที่ 90.1% ในปี 2564 จาก 89.7% ในปี 2563 โดยเมื่อพิจารณาองค์ประกอบของหนี้ครัวเรือนในปีที่ผ่านมา สัดส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 8% จาก 7%

 

ในปี 2562 (ก่อนโควิด-19) ซึ่งสินเชื่อดังกล่าวใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องหมุนเวียนค่าใช้จ่ายซึ่งสะท้อนถึงว่าฐานะทางการเงินของครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัวดี ขณะที่ภาระหนี้ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ จะทำให้กำลังซื้อของภาคครัวเรือนถูกบั่นทอนลง ความเชื่อมั่นต่าง ๆ ที่ลดลงจะทำให้ครัวเรือนเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น  

 

เมื่อมองไปในระยะข้างหน้าสถานการณ์ราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูงจะยังคงอยู่ต่อเนื่อง หากพิจารณาในฝั่งผู้ผลิตผ่านดัชนีราคาผู้ผลิตนเดือนเม.ย.65 พบว่าเพิ่มขึ้นสูงมากอยู่ที่ 12.8% YoY โดยมีแรงกดดันหลักจากราคาพลังงาน (ปิโตรเลียมดิบและก๊าซ) ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลกหลังเกิดสงครามรัสเซียและยูเครน

 

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าจากการดำเนินนโยบายที่แตกต่างกันระหว่างสหรัฐฯ และไทยจะกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง (บาทอ่อนส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น) อีกทั้งภาครัฐยกเลิกการตรึงราคาพลังงานทั้งก๊าซและน้ำมัน

 

ต่อจากนี้เราจึงอาจจะเริ่มเห็นการส่งผลผ่านราคาต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นมาสู่ผู้บริโภคซึ่งจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของภาคครัวเรือน

 

สถานการณ์ราคาสินค้าสูงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากต้นทุนราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงานที่สูงขึ้นซึ่งเป็นภาวะที่ทั่วโลกต่างเผชิญ มาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบหรือการตรึงราคาสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอาจไม่ใช่วิธีที่จะเข้ามาแก้ปัญหาได้ทั้งหมด

 

เนื่องจากยังไม่สามารถรู้ถึงจุดสิ้นสุดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และการดำเนินมาตรการภาครัฐต่างๆ ก็มีต้นทุนที่เป็นภาระทางการคลัง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ลากยาว แนวทางที่จะบรรเทาปัญหาอาจจะต้องมุ่งเน้นไปที่ฝั่งรายได้และการจ้างงาน  โดยอาจออกมาตรการส่งเสริมการจ้างงาน เพิ่มทักษะต่าง ๆ ออกมาเพิ่มเติม