ตลท. จับตาดอกเบี้ยขาขึ้น ความท้าทายตลาดทุนปี65

21 ก.พ. 2565 | 08:51 น.

ตลท. จับตาดอกเบี้ยขาขึ้น ความท้าทายตลาดทุนปี 65 เตือนนักลงทุนระวัง อย่ามองแค่ GDP และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ชี้ปัจจัยเสี่ยงมีเพิ่มต่อเนื่อง พร้อมเผยคืบหน้าศูนย์ TDX ย้ำไม่ใช่ตลาดซื้อขายคริปโตฯ เตรียมเปิดเทรดทันทีหลัง กลต.อนุมัติ

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปาฐกถพิเศษ “ทิศทางการลงทุนในสินทัพย์ทั่วโลกและหุ้นไทยปี 2565” ในงานสัมมนา หุ้นไทยปีขาล “เสือคะนอง หรือ เสือลำบาก” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ 3.5% - 4.5%

 

จากปัจจัยหนุนนอกเหนือจากเม็ดเงินภาครัฐที่เป็นตัวพยุงเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง คือ แรงขับเคลื่อนจากภาคการส่งออก ซึ่งจะเป็นตัวที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่อได้ และอีกแรงขับเคลื่อน คือ ภาคการบริโภคภายในประเทศ ที่แม้ขณะนี้จะยังไม่กลับมาเต็มที่ 100% จากการหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เชื่อว่าหากไทยสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้น จะทำให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถฟื้นตัวกลับมาได้

อย่างไรก็ตามในส่วนของการลงทุนในตลาดทุนปี 65 นั้น นายภากร ได้กล่าวย้ำถึงนักลงทุน ให้พิจารณาถึงปัจจัยนอกเหนือจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน คือ ความไม่แน่นอนที่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ผลกระทบจากการเมืองระหว่างประเทศ ที่กระทบต่อราคาน้ำมันหรือสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนได้  

 

และเรื่องของสภาพคล่องในตลาดโลก ซึ่งในปี 65 นี้ มั่นใจว่าสภาพคล่องในตลาดโลกจะลดลง จากการที่ธนาคารกลางของหลายๆ ประเทศมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งแล้ว และจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแน่นอน

“ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา จากการที่อัตราดอกเบี้ยต่ำมาโดยตลอด แต่สภาพคล่องสูง ทำให้ดัชนีของตลาดหุ้นทั่วโลก มีการปรับตัวสูงขึ้นมาก จากการที่เงินที่เรียกว่าอีซี่มันนี่เข้ามาลงทุนเยอะ เมื่อดอกเบี้ยเริ่มสูงขึ้น ทำให้การเลือกลงทุนในตราสารมีมากขึ้น แน่นอนมีผลกระทบต่อดัชนีของตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นนักลงทุนต้องคอยดูการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งความเสี่ยงที่ยังมีจากการระบาดของโควิด ซึ่งปีนี้ยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับการลงทุน” นายภากร กล่าว

 

นอกจากนี้ นายภากร ยังกล่าวถึงความคืบหน้า การตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (Thai Digital Assets Exchange: TDX) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ซึ่งหลังได้รับอนุมัติจะสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ไว้แล้ว โดยเฉพาะพาร์ทเนอร์ที่จะต่อเชื่อมกับ TDX  พร้อมเน้นย้ำจะเปิดให้มีการซื้อขายเฉพาะสินทรัพย์โทเคนภายใต้การกำกับ กลต. เท่านั้น โดยไม่ใช่ตลาดการซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่