กสิกรไทย-ทีเอ็มบีธนชาต ลุ้นอานิสงส์เศรษฐกิจหนุนสินเชื่อปี65

09 ม.ค. 2565 | 00:29 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดปีหน้าอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นหนุนสินเชื่อโต 4-8% ฟากเงินฝากขยายตัว 5.8% ค่ายทีเอ็มบีธนชาตคาดสินเชื่อรายย่อยกลับมาขยายตัวหลังจากชะลอตัว4%ในปีก่อน พบ 10เดือนปี64 สินเชื่อแบงก์ขยับเพิ่ม 6.9%ยอดสินเชื่อคงค้าง 14.07ล้านล้านบาท

นางสาวกาญจนา  โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปีหน้ามองสินเชื่อมีโอกาสเติบโต 4.8% (4-5.5%)ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจดีขึ้นโอกาสลูกหนี้กลับมาชำระคืนหนี้เพิ่มขึ้น สำหรับปีหน้าสินเชื่อน่าจะเติบโตจากปัจจัยปกติคือมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

สำหรับ 10เดือนปีนี้ณสิ้นเดือนตุลาคมมียอดคงค้างสินเชื่อจำนวนกว่า 14.07ล้านล้านบาท เติบโต 6.9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน  เทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเติบโต 4.5% อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก(L/D) ขยับมาอยู่ที่ 92.8%จาก 92%สิ้นปีก่อน สะท้อนอัตราเติบโตสินเชื่อเร่งตัวกว่าเงินฝาก 

การเติบโตของสินเชื่อภาพรวมนั้น มาจาก 3 เหตุผล ได้แก่    1.การปล่อยสินเชื่อใหม่โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ 

2.พักหนี้ลูกค้าบางรายทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อไม่ปรับลดลงเนื่องจากไม่มีการชำระคืน 

3. การปล่อยสินเชื่อผ่านมาตรการของธปท.(สินเชื่อฟื้นฟูและพักทรัพย์พักหนี้ เป็นต้น)

          ด้านเงินฝากภาพรวมของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 18แห่ง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2564 พบว่า มียอดคงค้างเงินฝาก 15.17ล้านล้านบาทขยายตัว 5.8%จากช่วงเดียวกันปีก่อน เทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันขยายตัว 3.6%

เมื่อพิจารณาเฉพาะเงินฝากรายย่อยพบว่าเติบโตชะลอลงเมื่อเทียบเงินฝากภาพรวมที่โต 5.8% เฉพาะรายย่อยโต 3.9%     สาเหตุมาจากฐานสูง และบางกลุ่มที่วงเงินต่อบัญชีเติบโตต่ำ (ไม่มีเงินนำฝาก) เช่น เงินฝากต่ำกว่า 50,000บาท

ภาพรวมเงินฝากเดือนตุลาคมปีนี้มียอดคงค้างเป็น 15.17ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8%จาก 14.63ล้านล้านบาทณเดือนธันวาคมปีก่อน  โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเติบโตเพิ่ม 3.6% เมื่อพิจารณาเฉพาะเงินฝากรายย่อยซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาด(แชร์)ประมาณ 55% ของเงินฝากรวมทั้งระบบ  พบว่าเงินฝากรายย่อยเติบโตช้ากว่าภาพรวม

เห็นได้จากยอดคงค้างเงินฝากรายย่อยเดือนตุลาคมอยู่ที่ 8.47ล้านล้านบาท  จาก 8.26 ล้านล้านบาทขยายตัว 3.9%จากช่วงเดียวกันปีก่อน เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันขยายตัวเพียง 2.4%

สำหรับเงินฝากรายย่อย  8.47ล้านล้านบาทนั้น   เป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 2.01แสนล้านบาทจาก 8.26แสนล้านบาทเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวงเงินฝากต่อบัญชีที่ไม่สูงมีการปรับลดลง  และเติบโตน้อยลง  เช่น  ต่ำกว่า 50,000 ยอดคงค้างลดลงอยู่ที่ 4.07แสนล้านบาทจาก 4.12แสนล้านบาท ส่วนวงเงินฝากตั้งแต่  50,000-200,000 ล้านบาทเติบโตแค่ 0.5% 

“ ปี2564เงินฝากภาพรวมยังเติบโตที่ 5.8% เฉพาะเงินฝากของรายย่อยขยับเพิ่มมา 2.01แสนล้านบาท  โดยเห็นการเพิ่มในเงินฝากที่มีเงินฝากต่อบัญชีอยู่ระหว่าง 1-10ล้านบาทที่เพิ่มขึ้นกว่า 1.13แสนล้านบาท 

รองลงมา 5แสนบาทถึง 1ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.4หมื่นล้านบาท   แต่วงเงินฝากต่อบัญชีต่ำกว่า 50,000บาทมียอดคงค้างลดลง 5,630ล้านบาทอื่นๆ  โดยรวมทั้งเงินฝากรายย่อยและธุรกิจเติบโตชะลอลงจากฐานสูงในปีก่อนขยายตัว 11.1%และ 15.3%ตามลำดับ เพราะมีการขายมีการขายสินทรัพย์อื่นเข้ามาพักในเงินฝากซึ่งไม่เห็นภาพนี้ในปี64”

          ส่วนเงินฝากธุรกิจมีสัดส่วน 27%ของเงินฝากรวม โดยมียอดคงค้างเงินฝากธุรกิจมีจำนวน 4.11ล้านล้านบาทเติบโต 6%จากช่วงเดียวกันปีก่อน เทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเติบโต4.1% ที่เหลือเป็นเงินฝากประเภทอื่นๆ

สำหรับเงินฝากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ(แบงก์รัฐ) เดือนตุลาคมปีนี้อยู่ที่  5.69 ล้านล้านบาทเติบโต 4.4%จากช่วงเดียวกันปีก่อน  เทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเติบโต 2.5% จากยอดคงค้าง 5.55ล้านล้านบาทณเดือนธันวาคมปีก่อน

นายนริศ  สถาผลเดชา  หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทีเอ็มบีธนชาต(Analytics ttb) มองภาพรวมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปี2565โดยระบุว่า สินเชื่อในระบบจะกลับมาเติบโต จากรายย่อยที่ปีนี้ชะลอตัว4%

 

ขณะที่ปัจจุบันมีเพียงสินเชื่อรายใหญ่ที่เติบโต เห็นได้จากสินเชื่อจากบริษัทขนาดใหญ่ขยายตัว7-8% ดังนั้นแนวโน้มปีหน้าสินเชื่อรายใหญ่อาจชะอตัวลงบ้างแต่สินเชื่อรายย่อยจะกลับมาขยายตัวได้ทั้งสินเชื่อบ้านที่จะเติบโตต่อ เช่นเดียวกับสินเชื่อเช่าซื้อที่ปีนี้ติดลบ ตามมาด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลที่ยังโตต่อเนื่องและบัตรเครดิต  ถ้าประเทศไม่กลับมาล็อคดาวน์

โจทย์ธนาคารพาณิชย์ปี2565 ต้องบริหารจัดการหนี้ที่ยังค้างในงบดุล ทั้งปรับโครงสร้างหนี้และระบายตัดขายเพื่อรองรับการกลับมาเติบโตของสินเชื่อใหม่  โดยไม่กระทบกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ คือแนวโน้มกันสำรองฯปีหน้าจะไม่ดุเดือดเช่นใน2ปีที่ผ่านมาซึ่งปัจจุบันทำให้กันสำรองฯกลุ่มธนาคารแน่นหนา