SSF เนื้อหอม สินทรัพย์โตพุ่ง 3 หมื่นล้านบาท

15 ธ.ค. 2564 | 10:47 น.

 กองทุนรวม SSF ปี 64 เนื้อหอม นักลงทุนแห่ซื้อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ดันมูลค่าทรัพย์สินสิ้นเดือนพ.ย. 64 แตะ 30,000 ล้านบาท คาดปีนี้เงินไหลเข้าสูงกว่าปีที่แล้ว 

เข้าสู่ช่วงโค้งท้ายของการซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือน ซึ่งหลังจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หมดอายุลง และไม่มีกองทุนรวมพิเศษที่เข้ามาจูงใจอย่างกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) ทำให้ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ต้องซื้อกองทุนรวม SSF อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดในเวลานี้            

รายงานข่าวจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)ระบุว่า มูลค่าทรัพย์สินกองทุนรวม SSF ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% จากไตรมาส 3 และมากกว่าสิ้นปี 2563 ที่ 36% โดยช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้าสุทธิ 6,600 ล้านบาท  ทั้งนี้ปีที่แล้ว ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคมมีเงินไหลเข้าสะสมราว 10,000 ล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ปีนี้จะมีเงินไหลเข้ารวมสูงกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากยังเหลือเวลาในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษีสูงสุด โดยปีที่แล้วมีเงินไหลเข้ารวม 8,400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ (Global Equity) เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้าสุทธิ 2,400 ล้านบาท มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 7,100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากสิ้นปีก่อน อีกทั้งยังมีกลุ่มกองทุนต่างประเทศกลุ่มอื่นที่เติบโตสูงด้วยเช่น กองทุนหุ้นจีน กองทุนหุ้นสหรัฐและกองทุนหุ้นเทคโนโลยี เติบโตถึง 100-200% จากสิ้นปีที่แล้ว ทำให้ภาพรวมการลงทุน SSF มีการลงทุนต่างประเทศที่สูงขึ้น

SSF เนื้อหอม สินทรัพย์โตพุ่ง 3 หมื่นล้านบาท

ขณะที่กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large-Cap) มีเงินไหลเข้า 1,300 ล้านบาทหรือครึ่งหนึ่งของกลุ่ม Global Equity แต่โดยรวมยังเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมสูงกว่า 10,000 ล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 3 ของกองทุนรวม SSF  โดยกองทุน K Positive Change เป็นกองทุนรวม SSF ขนาดใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2,900 ล้านบาท จากในช่วง
ที่ผ่านมา มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีจากการลงทุนกลุ่มหลักอย่าง Healthcare และ Technology 

ขณะเดียวกัน กองทุนรวม SSF เปิดใหม่ในปีนี้มี 50 กองทุน ส่วนใหญ่เปิดขายในช่วงครึ่งปีหลังถึง 42 กองทุน และเป็นการลงทุนหุ้นต่างประเทศตามเทรนด์ลงทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นำโดยกองทุนหุ้นจีนที่มีไหลเข้าสูงสุด เฉพาะกลุ่มกองทุนเปิดใหม่ประมาณ 500 ล้านบาท และส่วนใหญ่ไหลเข้ากองทุน K China Equity-SSF จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย และ Bualuang China Equity SSF จากบลจ.บัวหลวง


นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บลจ.บางกอกแคปปิตอล จำกัด (BCAP) เปิดเผยว่า เดือนธันวาคม เป็นช่วงเทศกาลวางแผนภาษี โดยเฉพาะช่วงนี้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์หลายประเภทผันผวนและปรับตัวลงค่อนข้างมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” จึงถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนกองทุน SSF และ RMF คุณภาพดีที่มีผลการดำเนินงานดีสม่ำเสมอ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีปี 2564 ที่เหลือเวลาลงทุนอีกไม่ถึงเดือน

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บลจ.บางกอกแคปปิตอล จำกัด

 

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัดกล่าวว่า ช่วงนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายของปี นักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ควรนิ่งนอนใจ การลงทุนด้วยเป้าหมายระยะยาวเป็นตัวช่วยสร้างวินัยในการออมให้กับนักลงทุน ซึ่งนอกจากได้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว การ
กระจาย การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ก็เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผลตอบแทน
ในระยะยาวมีเสถียรภาพมากขึ้นเช่นกัน 

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด


 “นักลงทุนไม่ควรรอซื้อกองทุนในช่วงโค้งท้ายของทุกปี ควรทยอยซื้อสะสมทุกเดือนตั้งแต่ต้นปี โดยเลือกกองทุนที่ตอบโจทย์และตรงกับความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองด้วย” นายณรงศักดิ์ กล่าว

 

ด้านนายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนบลจ.บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ช่วง 10 ปีข้างหน้า กลุ่มเทคโนโลยีจะเป็นหนึ่งในธีมการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างดี หรือเป็นหนึ่งใน Top-Performing Sector ที่นักลงทุนควรมีไว้ในพอร์ต โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐาน จากความกลัวงไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เงินเฟ้อ หรือการขึ้นดอกเบี้ย 

นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.บัวหลวง จำกัด

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,739 วันที่ 12 - 15 ธันวาคม พ.ศ. 2564