ธปท.เผยไตรมาส 3ปี64 แบงก์ช่วยลูกหนี้ 3.8ล้านล้านบาท สินเชื่อโต 5.6%

12 พ.ย. 2564 | 05:40 น.

ธปท.เผยไตรมาส3/2564แบงก์เอกชน-รัฐช่วยลูกหนี้รวม 3.8ล้านล้านบาท ด้านสินเชื่อโต 5.6% ขณะที่รายย่อยและเอสเอ็มอีขอรับความช่วยเหลือลดลง ด้านเอ็นพีแอลภายใต้การบริหารจัดการขยับเพิ่มเล็กน้อย3.14%จาก 3.09%

นางสาวสุวรรณี    เจษฎาศักดิ์  ผู้อำนวยการอาวุโส   ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2564 ว่าภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2564 ขยายตัวที่ 5.6% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน มูลค่า 7.8แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 3.7% ทั้งนี้ สินเชื่่อยังคงขยายตัวต่อเนื่่องแม้หักผลของสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐและมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน

ธปท.เผยไตรมาส 3ปี64 แบงก์ช่วยลูกหนี้ 3.8ล้านล้านบาท สินเชื่อโต 5.6%

สำหรับการขยายตัวของสินเชื่อ 5.6%นั้น มาจากสินเชื่อธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.3% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากการ ขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่  ในเกือบทุกประเภทธุรกิจ รวมถึงสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐ สะท้อนความต้องการเงินทุนของภาคธุรกิจภายหลังการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการเปิดประเทศ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs2ขยายตัวต่อเนื่องจากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเป็นสำคัญ

ธปท.เผยไตรมาส 3ปี64 แบงก์ช่วยลูกหนี้ 3.8ล้านล้านบาท สินเชื่อโต 5.6%

สินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวที่ 4.2% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว  5.7%โดยสินเชื่อรถยนต์หดตัวสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัว สินเชื่อบัตรเครดิตหดตัวตามปริมาณการใช้บัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวชะลอลงตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่ปรับลดลง ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สอดคล้องกับความต้องการสภาพคล่องของครัวเรือน

ธปท.เผยไตรมาส 3ปี64 แบงก์ช่วยลูกหนี้ 3.8ล้านล้านบาท สินเชื่อโต 5.6%  

ด้านคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2564 ยังคงได้รับผลจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ ( NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.46แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนNPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.14%จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 3.09% ขณะที่ Stage2เพิ่มขึ้นเป็น 6.69%จากระดับ  6.34%ในไตรมาสก่อนหน้าโดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่155.0%

 

นางสาวสุวรรณีกล่าวถึง ความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐรวมยอดภาระหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 3.8ล้านล้านบาทจำนวนลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 6.7ล้านบัญชี ประกอบด้วย ธุรกิจรายใหญ่ 3หมื่นบัญชี ธุรกิจเอสเอ็มอี 6.3แสนบัญชี และรายย่อย 6.04แสนบัญชี  โดยทั้งรายย่อยและเอสเอ็มอีเข้ารับความช่วยเหลือลดลง จากเดือนกรกฎาคมอยู่ที่  11.31ล้านบัญชี และ 1.17 แสนบัญชีตามลำดับ

ธปท.เผยไตรมาส 3ปี64 แบงก์ช่วยลูกหนี้ 3.8ล้านล้านบาท สินเชื่อโต 5.6%

สำหรับไตรมาส 3/2564 ธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2564 จำนวน 3.85หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 45.1% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายกันสำรองที่ลดลงจากการกันสำรองในระดับสูงในปีก่อน ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่าย ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิลดลงจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของรายได้เงินปันผลที่ลดลงจากฐานเงินปันผลที่สูงในไตรมาสก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย ( ROA) ลดลงมาอยู่ที่ 0.69% จากไตรมาสก่อนที่ 1.09%ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย ( NIM) ทรงตัวอยู่ที่ 2.47%

ธปท.เผยไตรมาส 3ปี64 แบงก์ช่วยลูกหนี้ 3.8ล้านล้านบาท สินเชื่อโต 5.6%

ธปท.เผยไตรมาส 3ปี64 แบงก์ช่วยลูกหนี้ 3.8ล้านล้านบาท สินเชื่อโต 5.6%

นางสาวสุวรรณีกล่าวเพิ่มเติมว่า   ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็งโดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูงสามารถทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้และสนับสนุนความต้องการสินเชื่อเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไปที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากผลกระทบของ COVID-19

          ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นช่วยชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ผลประกอบการปรับดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยหลักจากค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลงเนื่องจากระบบธนาคารพาณิชย์ได้กันสำรองในระดับสูงในปีก่อน รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3.02ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่19.9% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 8.72แสนล้านบาท และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่186.8%