นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 มีมติให้บริษัท EP Group (HK) Company Limited ( EP Group) และบริษัท เอ็ปโก้ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (EPCOE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทที่ถือหุ้นโดย บริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ETP) บริษัทย่อยของ EP ในสัดส่วน 100% และ99.99% ของหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ EP Group จะดำเนินการขายโครงการโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น 2 โครงการและ EPCOE จะดำเนินการขายโครงการโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่นอีก 1 โครงการ รวมเป็นเงินประมาณ16,000 ล้านเยน รวมขนาดติดตั้ง 40.49 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม บริษัทขายโครงการทั้ง 3 โครงการนี้ จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าการถือไว้จนครบใบอนุญาตกว่าเท่าตัว โดย EP จะมีเงินสดคงเหลือภายหลังจากการจ่ายคืนหนี้สินเป็นจำนวนประมาณ 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินสดดังกล่าวไปเป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังลมในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ EP ยังสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือเพียง 1.5 เท่า จากเดิมที่สูงกว่า 3 เท่า อีกด้วย
“โครงการไฟฟ้าพลังลมในประเทศเวียดนาม ที่ EP กำลังพัฒนาโครงการอยู่นั้น จะให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (Equity IRR) ประมาณ 20% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่บริษัทตั้งไว้ค่อนข้างมาก ดังนั้นการขายโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 3 โครงการ จะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะลงทุนในโครงการดังกล่าวได้ และเมื่อการลงทุนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ EP จะเป็นบริษัทจากประเทศไทย ที่ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม”