จัดใหญ่ SEOUL FOOD ครั้งแรกนอกเกาหลี ปักหมุดไทยศูนย์กลาง K-Food อาเซียน

04 พ.ย. 2568 | 08:20 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ย. 2568 | 08:23 น.

เปิดยุทธศาสตร์ “เกาหลี” ส่งต่อวัฒนธรรมสู่ระดับโลก ปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลาง K-Food อาเซียน ผ่านงาน “SEOUL FOOD in Bangkok 2025” ครั้งแรกนอกประเทศ คาดปิดดีลธุรกิจได้กว่า 8,196 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • เกาหลีใต้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานแสดงสินค้าอาหาร "SEOUL FOOD" เป็นครั้งแรกนอกประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง K-Food ในอาเซียน
  • งาน "SEOUL FOOD in Bangkok 2025" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
  • ภายในงานจะมีการนำเสนอสินค้าและนวัตกรรมอาหารเกาหลีกว่า 150 แบรนด์ และเป็นเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจที่คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายยงซอง คิม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย (KOTRA Bangkok) องค์กรรัฐภายใต้กระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงาน ของประเทศเกาหลีใต้  เปิดเผยว่า ความสำเร็จในการส่งเสริมอาหารเกาหลีให้เป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของโลก เกิดจากการผสานจุดแข็งด้านรสชาติ สุขภาพ และวัฒนธรรม ผนวกเอกลักษณ์ภูมิปัญญาดั้งเดิม นำเสนอใหม่ให้เป็นที่สนใจของผู้บริโภค

“หัวใจสำคัญของความสำเร็จอาหารเกาหลี คือการผนวกภูมิปัญญาดั้งเดิมกับนวัตกรรมยุคใหม่ ที่ผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คุณค่าด้านสุขภาพ และความแข็งแรงของวัฒนธรรมร่วมสมัย อาทิ K-Culture, K-POP และ K-Drama ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาสนใจอาหารเกาหลีมากขึ้นในมิติความอร่อย สุขภาพ และไลฟ์สไตล์ทันสมัย”

ปัจจุบัน K-Food ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะอาหารหมักอย่างกิมจิและซอสโคชูจัง แต่ขยายไปสู่สินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น อาหารพร้อมรับประทาน ขนม-ของหวาน เครื่องดื่มโปรตีน เครื่องดื่มสมุนไพรหมัก คอลลาเจนโทนิค และอาหาร-เครื่องดื่ม Plant-Based ที่สอดรับกับเมกะเทรนด์สุขภาพ ความงาม และความยั่งยืนของโลก

สำหรับทิศทางการพัฒนาอาหารเกาหลีในระยะต่อไป เกาหลีตั้งเป้าเป็นสัญลักษณ์ “อาหารคุณภาพ-สุขภาพ-นวัตกรรม” โดยเน้น 4 กลุ่มสำคัญ ได้แก่

  • อาหารเพื่อสุขภาพและความงาม (Functional Wellness Foods & Beauty Supplements) เช่น เยลลี่คอลลาเจน เครื่องดื่มสมุนไพรหมัก และเครื่องดื่มโสม
  • อาหารพร้อมรับประทานระดับพรีเมียม (Smart Convenience Meals) เช่น เกี๊ยวเกาหลีพรีเมียม ผัดวุ้นเส้นเกาหลีแช่แข็ง ข้าวถ้วยสำเร็จรูป และเมนูพิเศษอย่างข้าวผัดหอยเป๋าฮื้อ
  • สินค้า Plant-Based และบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เช่น เกี๊ยววีแกน กาแฟหมักจากสโคบี้
  • อาหารดั้งเดิมสู่รูปแบบร่วมสมัย เช่น ต๊อกบกกีสูตรทันสมัย น้ำมันงาและน้ำเชื่อมขิงแบบโมเดิร์น

ยงซอง คิม

“อาหารเกาหลีไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือเศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรมที่เติบโตยั่งยืนได้ในระดับโลก”

ข้อมูลการบริโภคอาหารเกาหลีในประเทศไทยนั้น พบว่า กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน กลุ่มครอบครัวในเมืองใหญ่ มีมุมมองต่ออาหารเกาหลีว่าทันสมัย ช่วยให้สุขภาพดี อยู่ในกระแสนิยม ส่วนข้อมูลจากองค์กรส่งเสริมการค้าและพัฒนาอุตสาหกรรมสินค้าเกษตร ประมงและอาหาร ประเทศเกาหลีใต้, KOTRA กรุงเทพฯ และสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลี พบว่า สินค้าอาหารที่เติบโตสูงสุด 5 อันดับ ในไทยและอาเซียน ได้แก่

1.บะหมี่และอาหารพร้อมรับประทาน 2.ซอสและเครื่องปรุง เช่น โคชูจัง และซอสต๊อกบกกี 3.เครื่องดื่มสุขภาพ เช่น คอลลาเจน โสม และโปรไบโอติก 4.ขนมและของหวานเกาหลี 5.อาหารหมัก เช่น กิมจิ ส่วนร้านอาหารเกาหลีก็ได้รับการต้อนรับที่ดีจากกระแส K-Culture ด้วยเช่นกัน ทำให้แบรนด์ ร้านอาหารเกาหลีเริ่มขยายสาขาสู่ประเทศไทย อาทิ BHC Chicken หรือ  Solsot และร้านอาหารไทยก็มีการเพิ่มเมนูอาหารเกาหลีเพื่อดึงดูดลูกค้า

เพื่อเร่งสร้างระบบนิเวศ K-Food ในอาเซียน เกาหลีได้เลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการจัดงาน “SEOUL FOOD in Bangkok 2025” ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นครั้งแรกที่งาน Seoul Food ซึ่งเป็น 1 ใน 4 งานอาหารระดับมืออาชีพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จัดขึ้นนอกประเทศเกาหลี

จัดใหญ่ SEOUL FOOD ครั้งแรกนอกเกาหลี ปักหมุดไทยศูนย์กลาง K-Food อาเซียน

โดยงาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “K-Food Innovation: Smart, Healthy & Sustainable” ที่นำเสนอสินค้าและเทคโนโลยีอาหารล้ำสมัยที่สอดรับกับเทรนด์สุขภาพ ความยั่งยืน และความสะดวกสบายในชีวิตสมัยใหม่

ภายในงานประกอบด้วย 3 โซนหลัก ได้แก่ โซนธุรกิจและจับคู่เจรจา (Trade & Business Zone) รวมกว่า 150 แบรนด์ และกว่า 1,400 ผลิตภัณฑ์, โซนสาธิตการทำอาหารและโชว์วัฒนธรรม (Cultural & Culinary Showcase) และ โซนบริการให้คำปรึกษาด้านศุลกากร การขึ้นทะเบียน อย. และทรัพย์สินทางปัญญา

นอกจากนี้ภายในงานยังมี พาวิเลียนจากหน่วยงานด้านอุตสาหกรรมอาหารเกาหลี 6 แห่ง อาทิ Foodpolis และสถาบันอุตสาหกรรมอาหารชีวภาพช็อนบุก รวมถึงเมืองสำคัญด้านอาหาร เช่น คังวอน จอนนัม และเชจู เป็นต้น ซึ่ง KOTRA ประเมินว่ามูลค่าการเจรจาธุรกิจในงานจะสูงกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,196 ล้านบาท และจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันความร่วมมือด้านอาหาร-นวัตกรรม-วัฒนธรรมระหว่างไทยและเกาหลีในระยะยาวด้วย

“ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและเกาหลี ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดในด้านเศรษฐกิจ การลงทุน วัฒนธรรม และประชาชน โดยไทยมีบทบาทสำคัญเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์และตลาดอิทธิพลในอาเซียน ประเทศไทยไม่ใช่แค่ตลาด แต่เป็นประตูสู่ภูมิภาค และเป็นฐานสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ K-Food ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย”