KEY
POINTS
นายเอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า กว่า 47 ปีที่ มาลี กรุ๊ป ยืนหยัดในฐานะแบรนด์ที่เชื่อในพลังจากธรรมชาติจากพืชและนม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสุขภาพที่ดีและความสุขในทุกๆวัน
ส่งผลให้ Malee เป็นแบรนด์ครองความเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มน้ำผลไม้พรีเมียมพร้อมดื่ม มีผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าสร้างบริบทครั้งใหม่ ประกาศวิสัยทัศน์ ‘Beyond Fruit to Global Wellbeing’ เพื่อทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งสำคัญสู่ ‘Global Wellbeing Company’ หรือบริษัทที่ส่งมอบสุขภาวะระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบในปี 2571
ปัจจุบันมาลีมีพอร์ตธุรกิจในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% แบ่งเป็นธุรกิจตราสินค้า (Brand Business) 35% และธุรกิจรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) 65%
ในครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 3,824 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจแบรนด์ 35% ธุรกิจรับจ้างผลิต 64% และผลิตภัณฑ์นม “เดลี่ฟาร์ม” 1%
มาลีมีโรงงานผลิต 3 แห่ง ได้แก่
รวมมีกำลังการผลิตรวมกว่า 749 ล้านลิตรต่อปี พร้อม 1 ฟาร์มรองรับวัตถุดิบด้านนมเพื่อเพิ่มความมั่นคงของซัพพลายเชน
แผนปี 2569–2571 มาลีมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต และพัฒนาระบบหลังบ้านเพื่อลดต้นทุน พร้อมรุกตลาดใหม่ในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าให้ธุรกิจแบรนด์เติบโตจาก 35% เป็น 55% ของรายได้รวมในปี 2571
กลยุทธ์หลักคือ “โตด้วยแบรนด์ตัวเอง” ผ่านการสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ (New Category) และการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต พร้อมขับเคลื่อนบริษัทลูก Malee Applied Science (MAS) ให้เป็นฐานพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหารเสริม และเครื่องดื่มฟังก์ชัน เพื่อสร้างรายได้ใหม่ในตลาดสุขภาพระดับโลก
ในปี 2569 มาลีจะรุกตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ โดยเน้น จีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพของเครื่องดื่มน้ำมะพร้าวและน้ำผลไม้พรีเมียม โดยเตรียมเปิดตัวพรีเซนเตอร์นักแสดงชื่อดังชาวจีนสำหรับแบรนด์ Malee COCO เพื่อเสริมภาพลักษณ์สินค้าสุขภาพระดับพรีเมียม
ปัจจุบันมาลีส่งออกสินค้าไปแล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก และมองตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และกาตาร์ เป็นจุดหมายการขยายตัวระยะยาว พร้อมเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในธุรกิจรับจ้างผลิต (CMG)
ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มน้ำผักและผลไม้พร้อมดื่มในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดพรีเมียมราว 4,000 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 2% จากเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ในปี 2568 ภาวะเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านส่งผลให้การส่งออกของมาลีชะลอตัวบางส่วน โดยตลาดเมียนมาและกัมพูชาหดตัวราว ซึ่งสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาประมาณ 4% พม่า 1%แต่บริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์จะฟื้นตัวในปีหน้า และจะกลับมาเติบโตตามแผน
ภายใต้วิสัยทัศน์ “Beyond Fruit to Global Wellbeing” บริษัทหลอมรวมพนักงานทุกหน่วยภายใต้แนวคิด “One Malee” เพื่อขับเคลื่อนพันธกิจเดียวกัน คือการส่งมอบคุณค่าด้านสุขภาพและความสุข (Healthier & Happier) สู่ผู้บริโภคทั่วโลก
มาลีตั้งเป้าไม่เพียงเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ แต่จะขยายสู่ธุรกิจสุขภาพครบวงจร และก้าวสู่การเป็น “Global Wellbeing Company” ภายในปี 2571 อย่างเต็มรูปแบบ