"แสนสิริ" นำนวัตกรรม การเงิน ลดความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษา 

ปัญหาทางการศึกษา ถือเป็นปัญหาใหญ่และเป็นปัญหาฐานรากของสังคมไทย ที่ผ่านมา “เศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีแนวคิดในการช่วยเหลือสังคม และให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ ต้องการช่วยเหลือเด็กๆ ที่ไม่ได้จำเพราะอยู่แค่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน

  
จึงร่วมเป็นพันธมิตรกับยูนิเซฟ สนับสนุนด้วยการบริจาคเงินให้แก่กองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินของยูนิเซฟ (UNICEF Global Emergency Fund) ปีละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 325 ล้านบาท เพื่อการช่วยเหลือเด็กไทยและเด็กทั่วโลก โดยไม่มีการแบ่งแยก

และยังทำโครงการร่วมกับยูนิเซฟอีกถึง 17 โครงการ ทั้งด้านการศึกษา กีฬา และสุขภาพ โดยดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 10 ปี
 

ปีนี้ แสนสิริยังเป็นพันธมิตรและทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับยูนิเซฟ พร้อมขยายความช่วยเหลือเด็กไทยสู่การพัฒนาการศึกษา ภายใต้แนวคิดการลดความเหลื่อมล้ำ โดยประกาศพันธกิจสำคัญระดับประเทศ เปิดตัวโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” สนับสนุน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ออกหุ้นกู้ระดมทุน 100 ล้านบาท สร้าง ราชบุรีโมเดล จังหวัดที่มีเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษากว่า 10,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กปฐมวัย ให้ได้กลับเข้าเรียนใหม่ และไม่หลุดระบบการศึกษาอีก โดยมี กสศ.เป็นผู้ดำเนินการ ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่ง กสศ. จะมีการจัดทำแผนรายปี และเบิกค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการ Zero Dropout ไม่เกินปีละ 3 ครั้ง 

“เศรษฐา” บอกว่า แสนสิริจะทำหน้าที่จ่ายดอกเบี้ย และเงินต้นทั้งหมด โดยกองทุนนี้แสนสิริได้ร่วมกับ SCB เพื่อสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ผ่านบัญชี Escrow Account ของธนาคารไทยพาณิชย์ ในชื่อ “บมจ.แสนสิริ เพื่อสนับสนุนโครงการร่วมกับ กสศ.” และเริ่มเปิดจองวันที่ 15 ก.พ.นี้ เวลา 8.30 น. ผ่าน SCB Easy App เท่านั้น 

สำหรับนักลงทุน นี่ถือเป็นครั้งแรกของหุ้นกู้ที่เป็นมากกว่าการลงทุน ไม่เพียงแต่ได้ลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนการลงทุน 3.20% ต่อปี รับดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ แต่ยังได้ช่วยเหลือสังคม เป็นการลงทุนในอนาคตให้กับเด็กๆ ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา 

ราชบุรี จะเป็นจังหวัดต้นแบบที่แสนสิริมีเป้าหมายขยายต่อยอดไปสู่จังหวัดอื่นๆ และเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ก็อาจมีการขยายความช่วยเหลือมากขึ้นด้วยเช่นกัน และในการนำนวัตกรรมการเงินมาสร้างประโยชน์ให้กับสังคมในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) ควรให้การสนับสนุน และอยากรณรงค์ให้ภาคเอกชน ใช้เทคโนโลยี มาช่วยลดปัญหาสังคมให้เพิ่มมากขึ้นด้วย 

หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,756 วันที่ 10 - 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565