EEC ดันความต้องการแรงงานกลุ่ม Multi-Skill โตต่อเนื่อง

23 ส.ค. 2564 | 09:01 น.

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย คาด EEC ผลักดันความต้องการแรงงาน โตต่อเนื่อง แนะผู้ประกอบการ-แรงงาน ปรับตัวให้มีคสามยืดหยุ่น ดึงเทคโนโลยีเสริมกำลัง ขณะแรงงานต้องเร่งอัพสกิล-รีสกิลรองรับรูปงานอนาคต

นายไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการระดับภูมิภาค ประจำประเทศไทย แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยรวมของตลาดแรงงานในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบุคลากรอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค และดิจิทัล ที่มีปัจจัยทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในตลาด เนื่องจากความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กระตุ้นตลาดผู้บริโภคในอนาคต ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานอย่างต่อเนื่อง ความต้องการการจ้างงานระยะสั้นจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น

กลุ่มแรงงานที่มีทักษะหลากหลาย (Multi-Skill) มีความต้องการสูง ก่อนหน้านี้ แผนการจ้างงานจะกำหนดลักษณะงานที่ชัดเจนของทุกตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติงานปัจจุบันจำเป็นต้องมีทักษะหลากหลายซึ่งจะเป็นประโยชน์เพิ่มเติมในระหว่างกระบวนการคัดเลือก นอกจากนี้ พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า เนื่องจากพวกเขาพร้อมที่จะทำงานในโครงการที่ซับซ้อน และช่วยนายจ้างโดยการเริ่มต้นในบทบาทใหม่อย่างรวดเร็ว นี่คือคุณสมบัติบางประการที่นายจ้างส่วนใหญ่คาดหวังในปัจจุบัน ตลาดแรงงาน EEC มีแนวโน้มต้องการแรงงานไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดของแรงงานต่างด้าวที่เดินทางและข้อจำกัดในช่วงการระบาดใหญ่

 

 

ข้อมูลจากการจัดอันดับประเทศด้านโอกาสในการทำงาน (Social Mobility Index, 2563) มีการสำรวจความต้องการแรงงานใน 5 ปีข้างหน้าของ อีอีซี ยังพบว่ามีความต้องการแรงงานมากกว่า 4.7 แสนตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่าโอกาสในการทำงานในประเทศไทยสูงมากทีเดียว โดยไทยสูงเป็นอันดับ 14 จาก 82 ประเทศ   โดยจัดอับดับประเภทความต้องการ 3 อันดับแรก ได้ดังนี้ 1.อุตสาหกรรมดิจิทัล 116,222 ตำแหน่ง 2.โลจิสติกส์ 109,910 ตำแหน่ง และ 3.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 58,228 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจหลังสถานการณ์โควิด-19  พบว่าในอีก 5 ปี จะมีความต้องการบุคลากรลดลง ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมการบิน ลดลง 40% 2.อุตสาหกรรมยานยนต์ ลดลง 20% 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล ลดลง 10-20% จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แม้บางอุตสาหกรรมคาดการณ์แรงงานลดลง แต่อุปสงค์ในภาคการผลิตยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแผนธุรกิจที่สนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ นำไปสู่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสู่ยุค “รถยนต์ไฟฟ้า” แทนเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้พลังงานน้ำมัน
 

น.ส.สุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย แนะนำว่า ผู้ประกอบการในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงคือควรกำหนดแนวทางแก้ไขระยะสั้น (Resolve) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา COVID-19 ในปัจจุบันโดยเร็ว จากนั้นจึงควรมีแผนองค์กรเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น (Resilience) ทั้งด้านการเงิน การปรับโครงสร้างธุรกิจ และเอาท์ซอร์ส (Outsource) เป็นต้น ด้วยสิ่งนี้ เรายังสามารถคาดหวังได้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงในเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลสุขภาพ เนื่องจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นจะปรับปรุงโรงงานด้วยเครื่องมือในท้องถิ่นของตนเอง

ภาคแรงงาน  สิ่งที่ต้องปรับรองรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ เน้นทักษะที่จำเป็นในอุตสาหกรรม เช่น ทักษะดิจิทัลล่าสุดที่สอดคล้องกับทิศทางของภาคอุตสาหกรรม สำหรับการปรับตัวของแรงงานช่วงสถานการณ์ COVID-19 สำหรับภาคอุตสาหกรรมใน EEC แรงงานไทยต้องกระตุ้นตนเองด้วยการปรับ Mindset เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อรับประกันงานที่มั่นคงและรายได้ที่ดีขึ้น

รายงาน World Economic Forum (WEF) ปี 2563 ล่าสุด แรงงานไทยเพียง 54.9% เท่านั้นที่มีความรู้ด้านดิจิทัล และจุดอ่อนคือ “การขาดความพร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับโลกเทคโนโลยีในอนาคต” ดังนั้นการศึกษา การฝึกอบรม และทัศนคติต่ออนาคตของการทำงานจึงมีความสำคัญต่อการส่งเสริมแรงงานไทย ตลอดจนเชื่อมช่องว่างสำหรับทักษะดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่สามารถทำงานร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ใน EEC ได้ มีความจำเป็นในการสร้างการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรม ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ สู่ตลาดโลก การจ้างงานเชิงนวัตกรรมที่ EEC อาจช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ