สภาการแพทย์แผนไทย ผนึกภาคีเครือข่าย ปลุกคนไทย กินอาหารเป็นยา

28 ก.ค. 2564 | 08:04 น.

สภาการแพทย์แผนไทย ร่วมกับ สหคลีนิกดีสปายน์ ปลุกคนไทยกินอาหารเป็นยา แนะใช้ประโยชน์สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ขิง และกระชาย และดูแลสุขภาพตามหลัก 5 อ.

พล ร.อ. แพทย์ไทยชาญชัย เจริญสุวรรณ  นายกสภาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ขณะนี้สภาการแพทย์แผนไทย กำลังมีการทำงานเชิงรุก ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ เช่นร่วมกับ สหคลีนิกดีสปายน์ สโมสรโรตารี่ปทุมวัน ศูนย์พัฒนาความสูงTallsters  ภายใต้โครงการแพทย์แผนไทย แพทย์ทางรอด #คนไทยไม่ทิ้งกัน  มีการลงพื้นที่ชุมชน ให้กำลังใจมอบเวชภัณฑ์ สมุนไพรฟ้าทะลายโจร และให้ความรู้เพื่อการพึ่งพาตนเอง การใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ

สภาการแพทย์แผนไทย ผนึกภาคีเครือข่าย ปลุกคนไทย กินอาหารเป็นยา

“ประเทศไทยมีภูมิปัญญาแผนแพทย์ไทย มีสมุนไพร มีตำรับยาแผนไทย ที่ดีและใช้ได้ผลมากมาย   ทั้งการป้องกันรักษา และฟื้นฟู” จึงควรนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด เป็นที่น่าเสียดายที่ผ่านมาไม่ได้มีการส่งเสริมเรื่องนี้อย่างจริงจัง”  พล ร.อ. แพทย์ไทยชาญชัย กล่าว

สภาการแพทย์แผนไทย ผนึกภาคีเครือข่าย ปลุกคนไทย กินอาหารเป็นยา

การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดขั้นอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากอนามัย กินร้อนช้อนกลาง หรือใช้ช้อนส่วนตัว เว้นระยะห่างทางสังคม อยู่บ้านและงดการเดินทางให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ต้องเอาใจใส่ ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รู้จักใช้ยาสมุนไพร ยาสามัญประจำบ้านทั้งแผนปัจจุบัน และแผนโบราณในการดูแล รักษาตนเองให้มีภูมิคุ้มกันอยู่เสมอ ก็เป็นอีกทางเลือกและทางรอด

 

ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่ประชาชนควรรู้จักนั้น มี 3 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นสมุนไพรที่มีงานวิจัยจากทางราชการรับรองชัดเจนแล้ว คือ  ฟ้าทะลายโจร กระชาย และขิง ซึ่ง ทั้ง 3 ตัว เป็นสมุนไพรที่ได้รับรองและมีผลวิจัยพิสูจน์แล้วว่าสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ได้  หมายถึงชะลอการแบ่งตัวเพิ่มขึ้น ระหว่างนั้นหากร่างกายเราแข็งแรง ก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน   

สำหรับสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ปัจจุบันมีทั้งแบบเชิงเดี่ยว และแบบตำรับยาประสะ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรอื่นเพื่อลดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ โดยมีทั้งแบบ ยาสกัด ยาผง และใบจากต้นสด  สามารถใช้ทั้งป้องกันและรักษา อาการไข้ เจ็บคอ และโรคไวรัส คือหวัดเริ่มต้น

 

“เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ และคิดในหลักพึ่งตนเอง หรือตนเป็นเป็นที่พึ่งแห่งตน  เนื่องจากปัจจุบันเชื่อโควิด-19 มีการพัฒนาไปมาก จากเดิมตัวบ่งชี้ว่ามีเชื้อ คือมีไข้ แต่ปัจจุบัน แม้มีเชื้อ แต่ก็ไม่มีอาการ ซึ่งใครที่รู้ตัวว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่อาจจะมีเชื้อแต่ไม่มีอาการ ก็ให้กินสมุนไพรฟ้าทะลายโจรไปยับยั้ง   

 

โดยหลักการ หากเป็นฟ้าทะลายโจรสกัด  หรือ ฟ้าทะลายโจรผง ที่เป็นแคปซูลเป็นยาเดี่ยว คือ ฟ้าทะลายโจร 100% ให้กินหลังอาหาร วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน โดยประมาณครั้งละ 500 มิลลิกรัม - 2 กรัม และไม่ควรกินนานเกิน 5 วัน เนื่องจากฟ้าทะลายโจร เป็นยารสขม มีฤทธิ์เย็น เป็นสุดยอดแห่งความเย็น ตามหลักการแพทย์แผนไทย ฤทธิ์เย็นหากกินมากเกินไปจะ มีผลเสียต่อร่างกาย  คือ ทำให้ลมไม่เคลื่อน เมื่อลมไม่เคลื่อน เลือดก็จะหนืด เมื่อเลือดหนืด เซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะข้อ ก็จะไม่ได้สารอาหาร เลือดไปเลี้ยงได้ช้า  ก็จะเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงได้  

สภาการแพทย์แผนไทย ผนึกภาคีเครือข่าย ปลุกคนไทย กินอาหารเป็นยา

ด้านนายธวัชชัย แทนวารีรัตน์ แพทย์แผนไทย ผู้อำนวยการสหคลีนิกดีสปายน์ กล่าวว่า  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการป้องกันรักษาได้ดีขึ้น ได้มีการพัฒนาตำรับยาฟ้าทะลายโจรขึ้น โดยเพิ่มส่วนประกอบของสมุนไพรต่างๆในตัวยาฟ้าทะลายโจรเพื่อลดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์  อาทิ เทียนดำ เทียนแดง หัวคล้าน้ำมันแบล็คซีด และเพิ่มตัวยาหัวว่านอื่นๆ เพื่อเสริมฤทธิ์การป้องกันและรักษาให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะการรักษาพยาธิสภาพของปอด หรือการป้องกันปอดอักเสบ

การใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรเชิงเดี่ยว หรือ 100 % แนะนำให้ประชาชน กินสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนมาต้มดื่ม เพื่อลดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์  เช่น น้ำกระชาย น้ำขิง โดยให้ดื่ม ในช่วงเช้า หรือเย็น แต่ไม่ควรกินกลางวัน เพราะทั้งสองตัวมีฤทธิ์ร้อน โดยสัดส่วนในการต้ม อาจใช้การประมาณ คือกระชาย หรือขิง ที่โขลกแล้วจำนวน 1 กำมือ ต่อน้ำ 2 ลิตร ใช้ ดื่มเช้าเย็น อาจจะเติมหอมแดง  ซึ่งมีสรรพคุณช่วยแก้หวัดด้วยก็ได้

 

กลุ่มที่ 2 สมุนไพรใกล้ตัว เครื่องต้มยำ ขิงข่า ตะไคร้ ที่อยู่ในกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน หรือมี ฤทธิ์ร้อนเนื่องจากเชื้อไวรัสโคโรน่าไม่ชอบร้อน  ก็ให้นำสมุนไพรใกล้ตัวเหล่านี้ มาใช้ปรุงอาหารทานบ่อยๆ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง  เช่น ต้มยำ แกงป่า แกงเลียง น้ำพริก หรือบ้านใครปลูกมะขาม ใบชะพลู ใบกระเพรา โหระพา ก็นำมาใช้ประโยชน์  กินเป็นอาหารสร้างภูมิได้ทุกวัน และควรกินพืชผักผลไม้ที่ ช่วยทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพเป็นด่างเช่น ธัญญพืช มังสวิรัติ หรือหากใกล้ตัวสุดก็คือ  ดื่มน้ำมะนาว เพราะมะนาวเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะให้ความเป็นด่าง  

 

กลุ่มที่ 3   เป็น ยารักษา  นอกเหนือจากการป้องกันแล้ว  ถ้าเจ็บป่วย เช่นมีอาการไข้ ก็ให้กินสมุนไพรในกลุ่มที่ใช้รักษา  เช่น ยา 5 ราก  ยาเขียว   ซึ่งเป็นยาลดไข้สามัญประจำบ้านในกลุ่มของแพทย์แผนไทย  

 

นอกจากการใช้สมุนไพรแล้วในการพึ่งพาตนเองแล้ว นายกสภาการแพทย์แผนไทย เน้นย้ำว่า ให้ทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง ด้วยหลัก  5อ. ประกอบด้วย

1. อาหาร โดยกินอาหารให้เป็นยาสร้างภูมิคุ้มกัน

2. อารมณ์ดี แจ่มใส ไม่เครียด

3. อากาศโปร่ง โล่งแจ้ง อยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนนอนหลับ ให้เพียงพอให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง

5. การขับถ่ายอุจจาระของเสียออกจากร่างกาย พยายามทำให้ได้ทุกวัน ในช่วงเช้า

 

​ในส่วนของอาหารนั้น  ขอให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เพราะเป็นตัวที่ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง และเสริมภูมิคุ้มในหลักการไม่มียารักษาโรคใดๆ  ยาที่กิน หรือวัคซีนที่ฉีดก็แค่ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อ แต่สิ่งสำคัญคือ ทุกคนต้องสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ทำอย่างไรให้ร่างกายของเราแข็งแรงที่สุด ขอให้ยึดหลักนี้ให้ดี ตลอดเวลาพยายาม กินอาหารให้เป็นยา  กินให้ครบ 5 หมู่   กินให้หลากหลาย เน้นกินเพื่อเสร้างภูมิคุ้มกันเข้าไว้

 

นางสาวทักษร ตั้งสุวรรณ ผู้นำชุมชนแฟลตรถไฟ เขตปทุมวัน กล่าวว่า การระบาดรอบนี้ ทำให้การทำงานหนักขึ้นหลายเท่า ต้องพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้นไปอีก ต้องมีความรู้หลายด้าน เพื่อเผยแพร่ต่อให้คนในชุมชน  ทั้งการใช้สมุนไพรที่ถูกต้อง  ซึ่งประโยชน์ของสมุนไพรมีเยอะ แต่เราไม่มีความรู้ ไม่ได้สนใจ การได้ความรู้เรื่องสมุนไพร ก็ทำให้อุ่นใจขึ้น  ตอนนี้นอกจากฟ้าทะลายโจร ก็เริ่มหันมาดูสมุนไพรใกล้ตัว ที่เพราะที่จริงในชุมชนปลูกหลายชนิด แต่เราไม่รู้จักใช้ประโยชน์ เช่นต้นลูกใต้ใบ ใบชะพลู

สภาการแพทย์แผนไทย ผนึกภาคีเครือข่าย ปลุกคนไทย กินอาหารเป็นยา

ด้านคุณครูประทีป อึ้งทรงธรรม  กล่าวว่า สภาการแพทย์แผนไทย ซึ่งป็นองค์กรทางวิชาชีพ มีสมาชิกที่เป็นแพทย์แผนไทยแพทย์แผนไทยประยุกต์ และแพทย์พื้นบ้านรวมกันประมาณ 3 หมื่นกว่าคน   ควบคู่กับการผลักดันให้รัฐบาลได้ทราบและเข้าใจถึงประโยชน์ คุณค่า และนำภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยไปใช้ในการดูแลสุขภาพประชาชน   สภาฯยังได้ตั้งศูนย์สภาการแพทย์แผนไทย ในพื้นที่ต่างๆ โดยแต่ละศูนย์มีอาสาแพทย์แผนไทย์เป็นจิตอาสา แบ่งเป็นกลุ่มคลีนิก และไม่ใช่คลินิก เพื่อทำหน้าที่ ลงไปดูแลสุขภาพของประชาชน

 

ล่าสุด ได้ตั้งศูนย์แพทย์แผนไทยจิตอาสาเขตวัฒนา-คลองเตย ภายใต้การดูแลของ แพทย์แผนไทยธวัชชัย แทนวารีรัตน์ ผู้อำนวยการสำหคลีนิกดีสปายน์ ซึ่งเชี่ยวชาญศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการรักษาโครงสร้างร่างกายด้วยศาสตร์ไคโรแพคติก และมีการทำงานลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือชุมชน มาโดยตลอดตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด  ทำหน้าที่ประสานกับผู้นำชุมชน และเครือข่าย ชุมชนในเขตวัฒนา-คลองเตย หรือประชาชนที่ต้องการความรู้ ความร่วมมือ เพื่อการพึ่งพาตนเองด้วยภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย และความรู้เรื่องการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง 

 

รวมถึงให้การบริการยาฟ้าทะลายโจร กับผู้ที่ติดชื้อ โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ไลน์ Line OA: thaimedwattana  ซึ่งจะมีการประสานส่งสมุนไพร พร้อมติดตามผลของผู้รับยาเพื่อการพัฒนา อย่างใกล้ชิด