อย. ผนึก กสทช. แก้ปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากส่วนกลางสู่ภูมิภาค ลดขั้นตอนบังคับใช้กฎหมาย พร้อมจัดทำแนวทางปฏิบัติการจัดการปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ส่วนภูมิภาคให้เหมือนกันทั่วประเทศ
น.พ.เสรี ตู้จินดา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) มีนโยบายร่วมกันในการจัดการปัญหาโฆษณาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่ผิดกฎหมายทางสื่อทุกประเภท เพื่อให้จัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทันต่อเหตุการณ์ และสนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการเร่งรัดติดตามตรวจสอบและจัดการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ฝ่าฝืนกฎหมายทางสื่อต่าง ๆ เช่น สื่อวิทยุกระจายเสียง สื่อโทรทัศน์ ดิจิทัล และทีวีดาวเทียม รวมไปถึงสื่อเคเบิ้ลทีวี เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา อย. และสำนักงาน กสทช. (ส่วนกลาง) ได้บูรณาการทำงานร่วมกัน โดยใช้กลไกการประสานความร่วมมือที่ลดขั้นตอนของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายของทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อความรวดเร็วในการยุติโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎหมายได้อย่างทันท่วงที โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบรายการและโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีเนื้อหาผิดกฎหมาย ทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และเว็บไซต์ ร่วมกับ สำนักงาน กสทช. (ส่วนกลาง) จากการปฏิบัติงานร่วมกันตั้งแต่เดือน พ.ค. 2561 เป็นต้นมา ถึงปัจจุบัน ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
[caption id="attachment_353014" align="aligncenter" width="503"]
พลโท ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ[/caption]
ด้าน พล.ท. ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้การทำงานเป็นลักษณะที่แต่ละหน่วยงานต่างทำงานไปภายใต้ระบบของตนเอง ทำให้การพิจารณาข้อร้องเรียนแต่ละเรื่องกว่าจะได้ข้อยุติและสิ้นสุดกระบวนการต้องใช้เวลาค่อนข้างนานอย่างน้อย 6 เดือน หรือ บางกรณีอาจใช้เวลานานร่วมปี นอกจากนี้ บทลงโทษต่อการกระทำความผิดกรรมเดียวกันยังอาจต้องรับโทษ 2 ทาง ทำให้อาจเกิดความซ้ำซ้อนและเป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมขึ้น ทำให้ปัจจุบันสามารถสรุปเรื่องให้แล้วเสร็จได้ภายใน 3 วัน ซึ่งถือว่าเร็วมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากโทษทางปกครองสำหรับผู้ฝ่าฝืน หรือ กระทำความผิดตามกฎหมาย กสทช. นั้น ค่อนข้างสูง ทำให้ปัญหาการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเพื่อให้ปัญหาการโฆษณาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในระดับพื้นที่ได้รับการแก้ไข เช่นเดียวกับส่วนกลาง จึงได้กำหนดนโยบายร่วมกันกับกระทรวงสาธารณสุขขยายผลการดำเนินการไปยังส่วนภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ ผลการเฝ้าระวัง พบว่า มีสถานีวิทยุกระจายเสียงราว 300 สถานี มีการโฆษณาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคฯ จึงหวังว่า เวทีในวันนี้จะประสบความสำเร็จ มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และมีผลการพิจารณาการโฆษณาจาก สสจ. ทั่วประเทศ ซึ่ง สำนักงาน กสทช. จะได้นำไปดำเนินการกำกับดูแลตามกฎหมายของ กสทช. ต่อไป
ขณะที่ น.พ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การจัดการปัญหาการโฆษณาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในระดับพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการ กระจายเสียงและโทรทัศน์อย่างแท้จริง จึงได้ขยายผลการดำเนินการไปยังส่วนภูมิภาค โดยเริ่มจากภาคเหนือและภาคใต้ มีกระบวนการดำเนินการ คือ มีการตรวจสอบเฝ้าระวังการโฆษณาร่วมกัน ระหว่างสำนักงาน กสทช. ภาค/เขต และ สสจ. โดย สสจ. ซึ่งได้รับมอบอำนาจตามพระราชบัญญัติเกี่ยวกับอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ จาก อย. จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการโฆษณานั้น ๆ ทั้งนี้ อาจประสานสำนักงาน กสทช. ในส่วนภูมิภาค ในเรื่องการเฝ้าระวังและข้อมูล หลักฐานต่าง ๆ แล้วส่งผลการวินิจฉัยมายังสำนักงาน กสทช. ส่วนกลาง เพื่อดำเนินการกำกับดูแลต่อไป
อย่างไรก็ตาม น.พ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้เป็นมาตรฐานวิธีการปฏิบัติงานเดียวกันทั้งประเทศ อย. และสำนักงาน กสทช. จึงได้จัดทำแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกลไกการจัดการปัญหาโฆษณาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในระดับพื้นที่ เพื่อจัดการปัญหาโฆษณาทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและสถานีโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (เคเบิ้ลทีวี) โดยให้ สสจ. บูรณาการร่วมกับสำนักงาน กสทช. ภาคและเขต ซึ่งกรณีที่ได้รับการประสานขอให้พิจารณาการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพว่าเป็นไปตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบหรือไม่ และหลังจากพิจารณาแล้วเสร็จ ให้จัดทำรายงานส่งผลการพิจารณาส่งกลับหน่วยงาน กสทช. โดยเร็ว โดยใช้รูปแบบหนังสือส่งรายงานการปฏิบัติงานให้กับสำนักงาน กสทช. ส่วนกลาง และเพื่อความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน ขอให้ใช้รูปแบบการประสานงานอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อรับและส่งข้อมูลการเฝ้าระวังและแจ้งผลการพิจารณาตรวจสอบโฆษณา ระหว่าง สสจ. สำนักงาน กสทช. ภาคและเขต ล่วงหน้าไปก่อน จากนั้นจึงจัดทำหนังสือเพื่อแจ้งรายงานการปฏิบัติงานไปยังสำนักงาน กสทช. ส่วนกลาง อย่างเป็นทางการต่อไป