จาก “ไฟไหม้สำเพ็งล่าสุด” ย้อนมหากาพย์ “สายไฟฟ้าลงดิน”

27 มิ.ย. 2565 | 07:15 น.

จาก “ไฟไหม้สำเพ็งล่าสุด” ย้อนมหากาพย์ “สายไฟฟ้าลงดิน” ว่าเป็นอย่างไร เพราะไม่เพียงส่งผลต่อความสวยงามของเมือง แต่ส่งผลถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนอีกด้วย พามาย้อนดู

ไฟไหม้ล่าสุด ย่านตลาดสำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวานที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) จากสาเหตุหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด สร้างความเสียหายต่ออาคาร ทรัพย์สินในบริเวณที่เกิดเหตุ รวมไปถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 11 ราย และเสียชีวิตถึง 2 ราย

เรื่องนี้ถือเป็น “บทเรียนราคาแพง” โดยถือเป็นหน้าที่การไฟฟ้าต้องช่วยดูด้วยเพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรง โดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบปัญหาพื้นที่อาคารที่ถูกฉีดน้ำมีการยุบตัว รวมถึง “ปัญหาสายไฟ สายสื่อสาร”

 

ที่เป็นหนึ่งสาเหตุทำให้เพลิงไหม้ลุกลาม โดยนัดหมายหารือร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ในสัปดาห์หน้า ทั้งเรื่องไฟแสงสว่าง ความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงเรื่องความปลอดภัยของหม้อแปลงไฟ และสายสื่อสารที่อยู่รวมกับเสาไฟฟ้า

เมื่อพูดถึง "ปัญหาคนกรุง" ที่รอการแก้ไขที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ  “สายไฟ สายสื่อสาร” โดยเฉพาะย่านสำเพ็ง สายไฟฟ้าและสายสัญญาณสื่อสารที่ระโยงระยางดูไม่เป็นระเบียบ ตลอดแนวถนนย่านเยาวราชและตลาดสำเพ็ง บางจุดถูกพาดผ่านไปมาระหว่างถนน ขณะที่ประชาชนเดินจับจ่ายซื้อของอยู่เป็นจำนวนมาก

 

แม้แต่การเดินทางมาประเทศไทยของ “รัสเซล โครว์” ดาราฮอลลีวูด รูปถ่ายเซลซี่ที่มีฉากหลังเป็นสายไฟระโยงระยาง ถึงขนาดสื่อญี่ปุ่น “Abema Times” ตีแผ่สกู๊ป ต้องใช้เวลา 200 ปี ถึงจะนำลงดินได้ทั้งหมด  

จาก “ไฟไหม้สำเพ็งล่าสุด” ย้อนมหากาพย์ “สายไฟฟ้าลงดิน”

 

จาก “ไฟไหม้สำเพ็งล่าสุด” ย้อนมหากาพย์ “สายไฟฟ้าลงดิน”

ดูคลิปเพิ่มเติม : www.youtube.com/watch?v=XB3npLKP2EA

 

จริงๆ แล้วการนำสายไฟฟ้าลงดิน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นโครงการที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ริเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 แต่เริ่มนำสายสื่อสารลงดินในกรุงเทพฯ สมัยของ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี พ.ศ.2559 มีการเซ็นข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่าง กฟน. ทีโอที สตช. และ กทม.

 

แผนดังกล่าวเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525 – 2529) ในชื่อโครงการ “โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน”

 

โดย กฟน. มีแผนดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่ที่ กฟน. ดูแลและรับผิดชอบระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และสมุทรปราการ ระยะทางรวม 236.1 กิโลเมตร มีกรอบระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่ปี 2527 – 2567 รวม 8 แผน ได้ดำเนินการ แล้วเสร็จ 48.6 กิโลเมตร

 

คงต้องยอมรับเรื่องการนำสายไฟฟ้าลงดินทั่ว กทม.และทั่วประเทศ เป็นงานหนักพอสมควร แต่คำถามที่ตามมาคือ ล่าช้าขนาดนี้?

 

วันที่ 15 ตุลาคม 2556 ครม.เห็นชอบ แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน รัชดาภิเษก ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในพื้นที่ถนนสายหลัก ในวงเงินลงทุนรวม 8,899.58 ล้านบาท

 

1 กันยายน 2558 ครม.เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. ดำเนินตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็น “มหานครแห่งอาเซียนของ” จำนวน 39 เส้นทาง ระยะทาง 127.3 กิโลเมตร กรอบวงเงินลงทุน 48,717.2 ล้านบาท

 

วันที่ 31 มกราคาม 2560 ครม.เห็นชอบให้ กฟน. ดำเนินตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง) วงเงินลงทุนรวม 9,088.8 ล้านบาท

 

วันที่ 9 มกราคม 2561 ครม.มีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง)

 

วันที่ 24 กันยายน 2562 ครม.มีมติรับทราบแผนงาน/โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ  จังหวัดนนทบุรี และสมุทรปราการ รวมระยะทาง 251.6 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2527-2564 รวม 5 แผนงาน ดำเนินการแล้วเสร็จ 46.6 กิโลเมตร ประกอบด้วย

 

  • แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า โครงการถนนสีลม ปทุมวัน และจิตรลดา ระยะทาง 16.2 กิโลเมตร
  • แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2547-2552 โครงการพหลโยธิน พญาไท และสุขุมวิท) ระยะทาง 24.4 กิโลเมตร
  • แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง) โครงการปทุมวัน จิตรลดา พญาไท (เพิ่มเติม) ระยะทาง 6 กิโลเมตร

 

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบในหลักการให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับปฏิบัติการเร่งรัด (Quick Win)  วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 3,673.40 ล้านบาท ระยะทางรวม 20.5 กิโลเมตร จำนวน 3 โครงการ

  1. เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนรัตนาธิเบศร์ (ถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก)
  2. เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี-ถนนติวานนท์
  3. เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถนนสุขุมวิท (ซอยสุขุมวิท 81-ซอยแบริ่ง) ระยะเวลาดำเนินการ ปี 2563-2566

 

วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ครม.มีมติรับทราบรายงานผลดำเนินตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน (เดือนธันวาคม 2562) มีแผนงาน/โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ระยะทาง 167 กิโลเมตร จำนวน 3 แผนงาน

  1. แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง) รวมระยะทาง 25.2 กิโลเมตร
  2. แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน รัชดาภิเษก รวมระยะทาง 22.5 กิโลเมตร
  3. แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน รวมระยะทาง 127.3 กิโลเมตร  

 

แผนการดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับ Quick Win) รวมระยะทาง 20.5 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2566 ประกอบด้วย 

  • พื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงถนนรัตนาธิเบศร์ ช่วงถนนราชพฤกษ์ถึงถนนกาญจนาภิเษก
  • ช่วงถนนกรุงเทพ-นนทบุรีถึงถนนติวานนท์
  • พื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถนนสุขุมวิท ช่วงซอยสุขุมวิท 81-ซอยแบริ่ง

 

22 มิถุนายน 2565 กทม. หารือ กฟน. เดินหน้าจัดระเบียบสายไฟ-สื่อสารลงดินรวม 236 กม. พร้อมเชื่อมระบบร้องเรียนกับ Traffy Fondue 

การไฟฟ้านครหลวงได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ระยะทาง 236.1 กิโลเมตร ดำเนินการแล้วเสร็จ 62 กิโลเมตร อยู่ระหว่างดำเนินการ 174.1 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า รองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต เสริมสร้างภูมิทัศน์ให้สวยงาม และเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

 

โครงการสายใต้ดินที่แล้วเสร็จ (คลิกที่นี่)

 

โดยมีหลักเกณฑ์การเลือกพื้นที่โครงการ ประกอบด้วย แนวถนนสายหลัก แนวรถไฟฟ้า ย่านธุรกิจและสถานที่สำคัญ และตามนโยบายของหน่วยงานผู้ดูแลพื้นที่ รูปแบบการก่อสร้าง ประกอบด้วย

  • วิธีการดันท่อ (Pipe Jacking) ใช้สำหรับการก่อสร้างสำหรับวางบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าบนถนนจราจร 
  • วิธีการดึงท่อ (Horizontal Directional Drilling : HDD) ใช้สำหรับการก่อสร้างท่อร้อยสายไฟฟ้าจากบ่อพักไปยังจุดจ่ายไฟต่างๆ
  • วิธีการขุดเปิด (Open Cut) ใช้สำหรับการก่อสร้างบ่อพักและวางท่อร้อยสายไฟฟ้าบนทางเท้า

 

อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาสายไฟฟ้ารุงรัง ยุ่งเหยิง นอกจากจะสะท้อนถึงความล่าช้า ยังสะท้อนถึงการบูรณาการของหน่วยงานต่างๆ ในกทม. อย่างมีประสิทธิภาพ คงต้องจับตาดูบทบาทของผู้ว่าฯ กทม.ในการจัดการกับความยุ่งเหยิงครั้งนี้

ที่ได้กำหนดนัดหมายหารือร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ในสัปดาห์หน้า ทั้งประเด็น ไฟแสงสว่าง ความปลอดภัยบนท้องถนน ความปลอดภัยของหม้อแปลงไฟ และสายสื่อสารที่อยู่รวมกับเสาไฟฟ้า 

 

ข้อมูล : การไฟฟ้านครหลวง