“โรคบกพร่องการเรียนรู้” ในเด็กวัยประถมรักษาได้ และหลายคนเป็นอัจฉริยะ

17 ก.ค. 2567 | 09:18 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2567 | 09:53 น.

สถิติทั่วโลกพบเด็ก 5% ของชั้นประถม เป็นโรคบกพร่องทางการเรียนรู้ ในประเทศไทยก็ขยายวงกว้างมากขึ้น ส่วนใหญ่มีปัญหาทางจิตเวชอื่น ๆ ร่วมกว่า 30% และหลายคนมีความเป็นอัจฉริยะอยู่ในตัวเอง

รศ.นพ.มนัท สูงประสิทธิ์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช BMHH หรือ  Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพจิตที่น่าห่วงสำหรับเด็กไทยคือ  โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือ โรค LD (Learning Disability) ที่เด็กมีปัญหาด้านทักษะการอ่าน การเขียน การสะกดคำ การคำนวณ และเหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ และพบว่าส่วนใหญ่จะมีปัญหาทางจิตเวชอื่นๆ ร่วมกันได้ถึงร้อยละ 30-40% เช่น โรคสมาธิสั้น และโรคซึมเศร้า เป็นต้น โดยมีตัวเลขสถิติทั่วโลกตรงกันว่า 5% ของเด็กชั้นประถมเป็นโรค LD ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อย และจะพบแบบอาการรุนแรง 1-2% ส่วนที่เหลือ 3% เป็นแบบอาการไม่รุนแรงสามารถช่วยตัวเองได้

โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่เบื้องต้นน่าจะเกิดจากการทำงานของสมองบางตำแหน่งบกพร่อง โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ และการใช้ภาษา กรรมพันธุ์ ที่มาจากพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องที่มีปัญหาเดียวกัน และอาจจะเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความเข้าใจเรื่อง LD มากขึ้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นโรคที่คนรู้จักค่อนข้างน้อย เชื่อว่าหากคนที่มีชื่อเสียงออกมาประกาศตัวต่อสังคม จะทำให้พ่อแม่ที่มีลูกเป็น LD กล้ายอมรับ นำมาสู่การวินิจฉัยและเข้ารับการรักษามากขึ้น โดยอันดับแรกพ่อกับแม่จะต้องเปิดใจ เพราะลูกเป็นโรคต้องการความช่วยเหลือ ไม่ได้เกเรหรือขี้เกียจ การหลบเลี่ยงเป็นผลที่ปลายเหตุ โดยกระบวนการรักษาจะแนะนำทั้งผู้ปกครอง ลูก และโรงเรียนโดยรวมคือทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมในการช่วยกัน ตั้งแต่ระดับครอบครัว โรงเรียน และผู้เชี่ยวชาญที่จะมาช่วยเหลือเด็ก เพื่อให้ได้รับการพัฒนาที่ตรงจุดและเหมาะสม

“โรคบกพร่องการเรียนรู้” ในเด็กวัยประถมรักษาได้ และหลายคนเป็นอัจฉริยะ

“สิ่งที่น่ากังวลสำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยคือพบว่ามีเด็ก LD เข้าสู่ระบบการช่วยเหลือของโรงพยาบาลจำนวนน้อยมาก เนื่องจากผู้ปกครองบางคนต้องทำงาน ไม่มีเวลา หรือบางคนมองว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ทั้งที่เด็กหลายคนมีความเป็นอัจฉริยะอยู่ในตัวเอง หากได้รับการพัฒนาที่ตรงจุดและเหมาะสม โดยการช่วยเหลือหากเริ่มตั้งแต่ยิ่งเล็กยิ่งดี ซึ่งส่วนใหญ่กว่าจะรู้ก็เมื่อเด็กเริ่มอ่านเขียน ประมาณอนุบาล 2 แต่ในช่วงอนุบาลจะยังวินิจฉัยยาก อย่างไรก็ตามหากผู้ปกครองสังเกตเห็นความผิดปกติ ให้เข้าพบแพทย์เพื่อการวินิจฉันอย่างถูกต้อง แม้ว่าอาการโรคจะชัดเจนและวินิจฉัยได้แน่ชัดในชั้น ป.2 แต่ในเด็กที่มีอาการ แพทย์จะแนะนำให้เริ่มช่วยเหลือโดยทันที ซึ่งเด็กกลุ่มนี้มีทั้งจุดดีและจุดด้อย ถ้าเข้าใจและช่วยเหลือในจุดด้อย พร้อมส่งเสริมจุดเด่นก็จะทำให้เด็กประสบความสำเร็จได้

รศ.นพ.มนัท กล่าวว่า BMHH โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช  ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มเด็กไทยเป็นโรค LD มากขึ้น จึงเปิดศูนย์ LD Center ขึ้นมา เพื่อตรวจคัดกรองโรค LD โดยจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นที่มีความเชี่ยวชาญ กรณีที่มีปัญหาพฤติกรรม สามารถส่งพบนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ รวมถึงครูการศึกษาพิเศษ ที่ช่วยเหลือเด็กได้ตรงจุด มีทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่นแบบครบวงจร ทั้งในด้านการส่งเสริม  การรักษา และฟื้นฟูทักษะการเรียนรู้ แบบตรงจุดตรงโรค ทั้งปัญหาด้านการอ่าน การเขียน และการคำนวณ รวมทั้งการใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข  ซึ่งเด็กหลายคนที่ป่วยโรคนี้มีความเป็นอัจฉริยะอยู่ในตัวเอง และเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพในอนาคต

“โรคบกพร่องการเรียนรู้” ในเด็กวัยประถมรักษาได้ และหลายคนเป็นอัจฉริยะ

สำหรับการรักษาไม่เพียงแค่ให้อาการดีขึ้นหรือหาย แต่ยังป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำด้วยวิธีการแบบองค์รวม รวมถึงความตั้งใจในการให้บริการด้วยเจตคติที่ดีให้การรักษาทั้งสุขภาพกายและจิตใจ เพื่อพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะกับผู้รับบริการแต่ละราย ได้กลับมาดำเนินชีวิตในครอบครัว และสังคมได้อย่างมีความสุข