นักวิจัยบราซิลเร่งพัฒนากาแฟไร้คาเฟอีนตามธรรมชาติ คาดมูลค่าตลาดมหาศาล

13 ส.ค. 2566 | 14:24 น.

น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่แพ้คาเฟอีนในกาแฟที่ทำให้หลายคนใจสั่น รวมทั้งผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ แต่ไม่อยากเสี่ยงกับอาการดื่มแล้วนอนไม่หลับ เพราะนักวิจัยในบราซิลกำลังพัฒนาเมล็ดกาแฟที่ปราศจากคาเฟอีนตามธรรมชาติ ที่อาจดีต่อสุขภาพมากกว่ากาแฟ “ดีแคฟ” ที่มีในท้องตลาด

 

สถาบันวิจัยกาแฟ แห่งหนึ่งใน ประเทศบราซิล ได้เริ่มกระบวนสำคัญของโครงการที่มีระยะเวลาดำเนินการราว 20 ปี ในการพัฒนา กาแฟสายพันธุ์อาราบิกา ที่ ไม่มีคาเฟอีนตามธรรมชาติ ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่า การพัฒนาดังกล่าวอาจมีศักยภาพในเชิงธุรกิจที่โดดเด่นอย่างมาก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โครงการดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาที่ศูนย์วิจัยกาแฟชั้นนำที่ชื่อ Instituto Agronomico de Campinas หรือ IAC ที่ให้การสนับสนุนการผลิตกาแฟรายได้สูง จนช่วยให้ประเทศบราซิลกลายเป็นแหล่งสำคัญในตลาดกาแฟโลก โดยบราซิลเป็นแหล่งจัดหากาแฟ มากกว่าหนึ่งในสามของการค้ากาแฟทั่วโลก

นักวิจัยจากศูนย์ IAC กล่าวว่า พวกเขากำลังเริ่มทดลองภาคสนามในระดับภูมิภาคของกาแฟบางสายพันธุ์ที่พวกเขาได้พัฒนามาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งเป็นการผสมพันธุ์กาแฟที่แตกต่างกันและมีปริมาณคาเฟอีนต่ำโดยธรรมชาติ โดยนักวิจัยดึงสายพันธุ์เหล่านี้มาจากธนาคารเมล็ดพันธุ์ของพวกเขาเอง

นักวิจัยบราซิลกำลังเร่งพัฒนากาแฟที่ไร้คาเฟอีนโดยธรรมชาติ

หากการพัฒนานี้ประสบความสำเร็จ สายพันธุ์กาแฟที่เพาะได้อาจจะสามารถเจาะตลาดผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม ในภูมิภาคที่มีการบริโภคมหาศาล อย่างเช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งลูกค้าต้องการกาแฟไร้คาเฟอีนที่มาจากธรรมชาติ แทนที่กาแฟไร้คาเฟอีน หรือกาแฟดีแคฟ จากหลายแบรนด์ชั้นนำในท้องตลาด ซึ่งต้องผ่านกระบวนการทางเคมี หรือกระบวนการทางอุตสาหกรรมเพื่อลดสารคาเฟอีนในกาแฟลง

นอกจากนี้ บริษัทที่จำหน่ายกาแฟไร้คาเฟอีน (โดยธรรมชาติ) จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำลง เนื่องจากสามารถข้ามขั้นตอนทางอุตสาหกรรมในการขจัดสารคาเฟอีนออกจากกาแฟสายพันธุ์ปกติไปได้

ฮูลิโอ เซซาร์ มิสโตร นักวิจัยที่ดูแลโครงการของศูนย์ IAC กล่าวว่า "ผลลัพธ์ที่เราได้จนถึงตอนนี้มีแนวโน้มที่ดี เรารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น"

ลูกค้าต้องการกาแฟไร้คาเฟอีนที่มาจากธรรมชาติ แทนที่กาแฟดีแคฟในท้องตลาด ที่ต้องผ่านกระบวนการทางเคมีหรือกระบวนการทางอุตสาหกรรม

ในเวลานี้ กาแฟบางสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นภายในศูนย์ IAC ได้ถูกนำไปปลูกตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศบราซิลแล้ว โดยต้นกาแฟมักใช้เวลาราว 2-3 ปี จึงจะออกผลผลิตเป็นครั้งแรก ดังนั้น จึงยังมีเวลาอีกหลายปีที่นักวิจัยจะสามารถเก็บผลผลิตและทดสอบพวกมัน

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมกาแฟแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Coffee Association) หรือ NCA ระบุว่า การบริโภคกาแฟปราศจากคาเฟอีนนั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 10% ของตลาดกาแฟในสหรัฐอเมริกา

แม้หลายคนจะดื่มกาแฟเพื่อที่จะได้รับสารคาเฟอีน เพื่อที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดความตื่นตัว แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถรับมือกับฤทธิ์การกระตุ้นของคาเฟอีน ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะบริโภคกาแฟที่ปราศจากสารคาเฟอีนในช่วงสายของวัน เพื่อให้ค่ำคืนนั้นสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างไร้กังวล

ข้อมูลอ้างอิง