เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าเซ็งไทยไม่ยอมปลดล็อก

07 มี.ค. 2566 | 14:24 น.

เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าเซ็งไทยไม่ยอมปลดล็อก แนะทุกพรรคการเมืองอย่าฟังความข้างเดียว ระบุให้ศึกษาข้อมูลหน่วยงานสาธารณสุขต่างประเทศ

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ เปิดเผยภายหลังการรายงานข่าวมหกรรมวิชาการคลินิกฟ้าใส ครั้งที่ 13 ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่ายังไม่มีนโยบายให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายว่า รู้สึกผิดหวังที่กระทรวงสาธารณสุขยอมให้เครือข่ายหมอเอ็นจีโอบางกลุ่มครอบงำการกำหนดนโยบาย 

และไม่ยอมศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งในอีก 70 กว่าประเทศให้เป็นสินค้าทดแทนการสูบบุหรี่ เพราะมีสารพิษน้อยกว่าบุหรี่มวน กรมควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา อย.สหรัฐอเมริกา หรือกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ 

เช่นเดียวกับกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ก็ยังออกมาให้ข้อมูลประชาชนอย่างรอบด้าน และสนับสนุนผู้ที่ยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ให้หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการเผาไหม้แทน แต่ สธ. ไทยกลับยังคงให้ข้อมูลด้านเดียวกับประชาชนต่อไป

นายมาริษ กล่าวอีกว่า 5 พรรคการเมืองที่ออกมารับลูกเรื่องนี้ และคัดค้านการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย อ้างว่าต้องการช่วยให้คนสูบบุหรี่ลดลง ต้องการจะถามกลับไปว่านโยบายแบบเดิมที่นำเสนอมาช่วยให้คนเลิกบุหรี่หรือความอันตรายจากบุหรี่ได้จริงหรือไม่ เพราะถ้ามีประสิทธิภาพจริง ทำไมจำนวนคนสูบบุหรี่ในประเทศไทยถึงอยู่เกือบเท่าเดิมมาตลอดหลาย 10 ปี 

ขณะที่ประเทศอื่นที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เช่น อังกฤษ หรือ นิวซีแลนด์ จำนวนผู้สูบบุหรี่ในประเทศของเขาลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และการแบนบุหรี่ไฟฟ้าป้องกันเยาวชนได้จริงหรือไม่ ทำไมเห็นออกข่าวว่าเยาวชนใช้กันมากมาย เพราะมีการลักลอบซื้อขายใต้ดิน

ส่วนบุหรี่มวนกลับออกกฎหมายควบคุมได้ หากแบนแล้วดีจริงทำไมคนใช้กันมากมาย หากกฎหมายใช้ไม่ได้จริง ก็ต้องมาทบทวนกันใหม่เพราะกฎหมายก็เขียนโดยคน
 

“พรรคการเมืองที่นำเสนอนโยบายแบบเก่าม่มีการพัฒนาให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่หรือนวัตกรรมที่ก้าวไปข้างนี้ หากได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ประเทศชาติก็คงจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้แน่นอนแถมยังมีส่วนทำให้คนไทยต้องเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ทางอ้อมเพราะไม่ให้มีทางเลือกอื่นอีกด้วยนอกจากรับสารพิษจำนวนมากจากบุหรี่มวนต่อไป”

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทน ECST กล่าวว่า ทราบว่ายังมีหลายพรรคการเมืองที่สนใจจะนำเรื่องการปลดล็อคบุหรี่ไฟฟ้ามาเป็นนโยบายและพร้อมช่วยผลันดันเพื่อดูแลสุขภาพของผู้สูบบุหรี่ 10 ล้านคน 

และคนรอบข้างที่ต้องได้รับควันมือสองอีกกว่า 15 ล้านคน ซึ่งเชื่อว่าคนกลุ่มนี้พร้อมจะเทคะแนนให้พรรคการเมืองและผู้สมัครที่รับฟังและเข้าใจในความต้องการ