3 ปัจจัยกระทบสุขภาพที่คนไทยต้องห้ามละเลยในปี 2566

02 มี.ค. 2566 | 05:18 น.

สศช.เปิดสถานการณ์ด้านสุขภาพคนไทย ผู้ป่วยโรคเฝ้าระวัง โรคซึมเศร้าการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น แนะ 3 ปัจจัยที่คนไทยต้องห้ามละเลยในปี 2566

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะสังคมไทย ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2565 โดยรายงานสถานการณ์ด้านสุขภาพ พบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

การเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อลดลง

ขณะที่การเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ลดลงทุกโรค ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคมะเร็งและเนื้องอกทุกชนิด โรคหัวใจ/หัวใจขาดเลือด/หัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดในสมอง ลดลงในทุกโรค ขณะที่อัตราการตาย พบว่า โรคมะเร็งและเนื้องอกทุกชนิด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 โดยมีอัตราการตาย 128.50 ต่อประชากรแสนคน สูงกว่าโรค NCDs อื่น ๆ มากกว่า 2 เท่า

โรคซึมเศร้า-ฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น

ด้านสุขภาพจิต พบ ผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายที่มีอัตราเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 358,267 คนจาก 355,537 คนในปี 2563 นอกจากนี้ อัตราการฆ่าตัวตายในปี 2564 อยู่ที่ 7.38 รายต่อประชากรแสนคนเพิ่มขึ้นจากในช่วงปี 2547 - 2563 ที่ทรงตัวอยู่ในระดับ 5 - 6 รายต่อประชากรแสนคน 

ทั้งนี้ กลุ่มอายุที่มีการฆ่าตัวตายสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 15 - 34 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานตอนต้น โดยมีปัจจัยหลัก คือ ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว ในสถานที่ทำงาน หรือในโรงเรียน รวมทั้งภาวะป่วยกายหรือใจเรื้อรัง การใช้สุราและสารเสพติด และภาวะเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ

 

ภาพประกอบข่าว 3 ปัจจัยกระทบสุขภาพคนไทยในปี 2566

3 ปัจจัยด้านสุขภาพที่ต้องให้ความสำคัญ 

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้จัดข้อแนะนำในประเด็นด้านสุขภาพที่คนไทยควรให้ความสำคัญในระยะต่อไป 3 เรื่อง ดังนี้

1. การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

แม้ว่าปัจจุบันคนไทยจะได้รับวัคซีนแล้ว 53.48 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 80.4% ของประชากรทั้งประเทศ (ข้อมูล ณวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566) แต่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่า ปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยมากกว่า 27.5 ล้านคน 

ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อาทิสายพันธุ์ XBB.1.5, BQ.1 และ BQ.1.1 ที่ระบาดในสหรัฐอเมริกา สายพันธุ์ BA.5.2 และ BF.7 ที่ระบาดในจีนมากขึ้น ซึ่งประชาชนต้องรักษาระดับการป้องกันโรคส่วนบุคคล

รวมถึงเข้ารับวัคซีนและวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น และเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

 

ภาพประกอบข่าว 3 ปัจจัยกระทบสุขภาพคนไทยในปี 2566

2. การส่งเสริมพฤติกรรมดูแลสุขภาพ

การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ประชาชนมีความเร่งรีบและเคร่งเครียดในการใช้ชีวิตมากขึ้น รวมถึงมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากขึ้นด้วย เช่น การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม ไม่มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ

ดังนั้น ควรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพ ดังนี้ 

  • ความรับผิดชอบต่อสุขภาพ : ให้ความสนใจต่อภาวะสุขภาพของตนเองและควรมีการตรวจสุขภาพประจำปี ทุก ๆ ปี 
  • โภชนาการ : การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้องเหมาะสม ถูกสุขลักษณะ ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ 
  • การทำกิจกรรมทางกาย : มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และปรับกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เช่น การเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ 
  • การจัดการความเครียด : เช่น การแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสม การพักผ่อนนอนหลับ การทำกิจกรรมเพื่อคลายความเครียด
  • ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล : มีการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น มีการให้และการรับให้เกียรติซึ่งกันและกันรวมทั้งมีการปรึกษาหารือและร่วมกันแก้ไขปัญหา

3. การหามาตรการป้องกันมลพิษทางอากาศที่ยั่งยืน 

การป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนโดยจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งมีแนวทางการแก้ไข ดังนี้

  • ให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ 
  • ควบคุมปริมาณสารมลพิษทางอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรม 
  • ลดการเผาหญ้าหรือขยะมูลฝอยในที่โล่ง
  • รณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษทางอากาศ 
  • ส่งเสริมให้ใช้รถจากระบบขนส่งมวลชน 

นอกจากนี้ การปลูกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกัน จะเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

รายงานภาวะสังคมไทย ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ด้านสุขภาพและการเจ็บป่วย