Computer Vision Syndrome โรคของคนติดจอ แนะ 5 วิธีลดความเสี่ยง

13 ก.พ. 2566 | 08:00 น.

Computer Vision Syndrome โรคฮิตของคนติดจอ กรมการแพทย์ แนะ 5 วิธีลดความเสี่ยงพร้อมเช็คอาการเบื้องต้นก่อนพบแพทย์

ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนยุคใหม่มีการใช้อุปกรณ์ดิจิตอล เช่น คอมพิวเตอร์ มือถือ และแท็บเล็ต เป็นต้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและการทำงานซึ่งส่งผลทำให้เกิดอาการ Computer Vision Syndrome (CVS) กันมากขึ้น

นายแพทย์ไพโรจน์  สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ยุคปัจจุบันสังคมออนไลน์มีการใช้สมาร์ทโฟนในการอัพเดทข่าวสาร ข้อมูลตลอดเวลา ให้กับทันเหตุการณ์ ทำให้ต้องใช้สายตาในการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน อาจจะใช้เวลาเกือบทั้งวันจ้องแต่หน้าจอสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์

รวมไปถึงแท็บเล็ต แต่ถ้าไม่แบ่งเวลาให้เหมาะสมอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะดวงตาที่ต้องรับภาระจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงาน หรือการประชุมผ่านอินเตอร์เน็ต จึงอาจเป็นปัญหาต่อดวงตาที่พบจากการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้

โรค Computer Vision Syndrome (CVS) คืออะไร 

นายแพทย์อาคม  ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวว่า การใช้งานคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานในแต่ละวัน อาจบ่งบอกว่า อาจอยู่ในกลุ่มอาการที่เรียกว่า computer vision syndrome

  • ทำให้ปวดเมื่อยตา
  • ตาแห้ง
  • ตาล้า
  • แสบตา
  • เคืองตา
  • ตาพร่ามัว
  • โฟกัสได้ช้าลง
  • ตาสู้แสงไม่ได้
  • ปวดกระบอกตา
  • ปวดศีรษะ
  • บางครั้งมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ หรือปวดต้นคอร่วมด้วย และอาจส่งผลต่อการนอนหลับได้ 

แม้ว่ากลุ่มอาการนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อดวงตาหรือการมองเห็น แต่มักก่อให้เกิดความไม่สบายตา และอาจเป็นปัญหารบกวนการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันได้

แพทย์หญิงกนกทิพย์  มันตโชติ นายแพทย์ชำนาญการ กล่าวเสริมว่า มีการศึกษาพบว่าประมาณ 90% ของผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มักเคยประสบกับกลุ่มอาการดังกล่าวข้างต้น

อย่างไรก็ดี อาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่นการกระพริบตาลดลงขณะใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ตาแห้ง แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม รวมทั้งการมีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ และการที่ตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ไม่คมชัดจึงทำให้ต้อง ใช้ความพยายามในการโฟกัสมากขึ้นจึงก่อให้เกิดอาการตาเมื่อยล้าได้ และระยะห่างจากหน้าจอที่ไม่เหมาะสม รวมถึงระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์ และท่าทางในการนั่งที่ไม่เหมาะสม 

วิธีช่วยป้องกันหรือหลีกเลี่ยงภาวะ computer vision syndrome (CVS)

1.กะพริบตาให้บ่อยขึ้น การนั่งจ้องหน้าจอนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน จะทำให้อัตราการกะพริบตาลดลงจาก 20 – 22 ครั้ง/นาที เหลือเพียง 6 – 8 ครั้ง/นาทีซึ่งอาจทำให้ตาแห้งได้ จึงควรกะพริบตาให้บ่อยขึ้น หรืออาจใช้น้ำตาเทียมเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาก็ได้เช่นกัน 

2.ปรับความสว่างในห้องทำงานและหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม โดยลดแสงสว่างจากภายนอก หรือแสงจากในห้องทำงานที่สว่างมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดแสงสะท้อนที่จอคอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่สบายตาได้ และปรับเพิ่มความแตกต่างของสีระหว่างตัวอักษรกับพื้นจอภาพเพื่อให้อ่านง่าย และปรับความสว่างของหน้าจอให้สบายตา 

3.พักสายตาทุก ๆ ชั่วโมง โดยยึดหลัก "20 – 20 – 20" คือการละสายตาจากหน้าจอ และมองออกไปไกลระยะ 20 ฟุตทุก ๆ 20 นาที เป็นเวลา 20 วินาที/ครั้ง จะช่วยลดอาการตาล้าได้ 

4.ปรับระดับการมองจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม โดยจุดศูนย์กลางของจอคอมพิวเตอร์ควรห่างจากตาประมาณ 20-28 นิ้ว และต่ำลงจากระดับสายตาประมาณ 4-5นิ้ว 

5.ใส่แว่นแก้ไขสายตาที่เหมาะสม เนื่องจากการมีสายตาที่ผิดปกติ แล้วต้องเพ่งหน้าจอนานๆ อาจทำให้ปวดกระบอกตาได้ ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน ประชุมออนไลน์จนดึกดื่น และไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่บ้านไปอีกนานเท่าไหร่

คำแนะนำ

จัดตารางการทำงาน และชีวิตส่วนตัวให้เหมาะสม หากรู้สึกว่าดวงตามีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาจักษุแพทย์ ตรวจเช็คดวงตา เพื่อที่จะได้รับการรักษาได้ทันท่วงที