กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง 3 โรคระบาดพบบ่อยช่วงฤดูร้อน

27 มี.ค. 2567 | 08:45 น.

กรมควบคุมโรค เตรียมรับมือ 3 โรคระบาดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 67 ย้ำมาตรการป้องกันเคร่งครัด ทั้งเฝ้าระวังโรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูร้อน  

27 มกราคม 2567 แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ พร้อมด้วยนายแพทย์ วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อ "อยู่อย่างไร ให้ห่างไกลโรค" ปี 2567 โดยกรมควบคุมโรคได้รวบรวมสถานการณ์โรคติดต่อสําคัญที่ต้องเฝ้าระวังและโรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูร้อน รวมถึงภัยสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้ ดังนี้

1.โรคไข้หวัดใหญ่ 

พบผู้ติดเชื้อได้ทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วยแล้วกว่า 90,000 ราย แนะนําประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หรือ มีโรคประจําตัว ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง หากป่วยให้หยุดอยู่บ้านพักผ่อนจนกว่าจะหาย

2.โควิด 19 

ยังคงเป็นโรคที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หรือ มีโรคประจําตัว หากป่วยจะมีอาการรุนแรงตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วยแล้วกว่า 6,000 ราย เน้นประชาชนควรยังคงรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากาก อนามัย และล้างมือบ่อยๆ

กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง 3 โรคระบาดพบบ่อยช่วงฤดูร้อน

3.โรคไข้เลือดออก 

ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย 20,590 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก 5-14 ปี ขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันสํารวจและทําลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ตามมาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค (โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนย่า โรคติดเชื้อไวรัสซิกา) อย่างต่อเนื่อง

หากมีอาการสงสัยป่วยไข้เลือดออก เช่น มีอาการไข้สูงลอย คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง มีผื่น มีจุดเลือดที่ลําตัว ไม่ซื้อยามารับประทานเอง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

โรคติดต่อสําคัญที่ต้องเฝ้าระวัง

1.โรคหัด

ในปีนี้ผู้ป่วยโรคหัดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยสงสัย 503 ราย ผลยืนยันโรคหัด 214 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็ก 1-4 ปี แนะนําผู้ปกครองพาเด็กเล็กเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบตามกําหนด 

2.โรคไอกรน

ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วยโรคไอกรนเสียชีวิตแล้ว 7 ราย ส่วนใหญ่เป็นในเด็กเล็ก จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากในหลายพื้นที่มีความครอบคลุม การฉีดวัคซีนต่ำแนะนําพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคไอกรนตามกําหนด สําหรับเด็กควรรับวัคซีน DTP อย่างน้อย 3 เข็ม และควรฉีดให้หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป

กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง 3 โรคระบาดพบบ่อยช่วงฤดูร้อน

3. โรคติดเชื้อไวรัสซิกา

ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วยแล้ว 101 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 30-39 ปี โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์หากมีอาการไข้ตาแดง ผื่น ให้รีบไปพบแพทย์

4. วัณโรค

ยังคงเป็นโรคติดต่อที่อันตราย โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยวัณโรค รายใหม่ 111,000 ราย ขอแนะนํากลุ่มเสี่ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย (รวมเด็ก) หรือไอติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ควรรีบไป พบแพทย์เพื่อเอกซเรย์ปอดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ด้าน นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคและภัยสุขภาพในช่วงฤดูร้อน ได้แก่ 

1.โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ อาทิ โรคอาหารเป็นพิษ โรคอุจจาระร่วง เฉียบพลัน โรคไวรัสตับเสบเอ และโรคไข้ไทฟอยด์ หรือโรคไข้รากสาดน้อย เป็นต้น ซึ่งอากาศที่ร้อนเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรคหลายชนิด ส่งผลให้อาหารบูดเสียได้ง่าย เมื่อรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไปทําให้ป่วยเป็นโรคดังที่กล่าวมา 

กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง 3 โรคระบาดพบบ่อยช่วงฤดูร้อน

การป้องกัน 

ขอให้ประชาชนตระหนักถึงสุขอนามัย ล้างมือทุกครั้งก่อน รับประทานอาหาร ก่อนปรุงประกอบอาหาร และหลังเข้าห้องน้ํา ขอให้รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ อาหารค้างคืน ควรอุ่นร้อนก่อนรับประทาน ทั้งนี้โรคไวรัสตับอักเสบเอ สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน สามารถฉีดให้เด็กได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป จํานวน 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน

2.ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 

ในช่วงนี้มีหลายพื้นที่ที่พบปัญหา สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ขอให้ประชาชนปิดบ้านให้มิดชิด เมื่อออกจากบ้านให้ตรวจเช็กค่าฝุ่น PM2.5 หากค่าฝุ่นเกิน 37.5 mg/m3 ให้สวมหน้ากากสําหรับป้องกันฝุ่น ใช้เวลาอยู่ภายนอกในระยะสั้น ๆ และสําหรับผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนังอักเสบ และโรคตาอักเสบ ไม่ควรออกจาก บ้านเพราะอาจเสี่ยงอาการรุนแรงขึ้น รวมถึงต้องต้องระวังอย่างมากในเด็ก เช่นกัน

3. การจมน้ำ 

สถานการณ์การจมน้ำยังคงมีความเสี่ยงสูง ซึ่งในช่วงหน้าร้อนมีเด็กอายุต่ํากว่า 15 ปี เสียชีวิตจากการจมน้ําสูงที่สุด ส่วนใหญ่ เกิดจากเด็กชวนกันไปเล่นน้ํา ขาดความรู้เรื่องกฎความปลอดภัยทางน้ํา ทักษะการเอาชีวิตรอด และวิธีการช่วยเหลือ คนตกน้ําที่ถูกต้อง จึงขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เมื่อไปใกล้แหล่งน้ําให้สวมอุปกรณ์ เช่น เสื้อชูชีพหรือมีอุปกรณ์ช่วยลอยน้ําอย่างง่ายให้เด็กไว้กับตัวตลอดเวลา โรคติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส ชนิด เอ

พร้อมกันนี้ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลโรคที่เกิดการระบาดในประเทศปลายทาง ควรศึกษาวิธีป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม รวมถึงการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคคอย่างคร่งครัดยังคงมีความจําเป็น โดยกรมควบคุมโรคจะยังคงมาตรการและดําเนินการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และเตรียมการรับมือเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1422