"อนุทิน" สั่งรพ.ทั่วประเทศตั้งแผนกฉีดวัคซีนโควิด-ไข้หวัดใหญ่

20 เม.ย. 2566 | 10:30 น.

"อนุทิน" สั่งโรงพยาบาลทั่วประเทศ ตั้งแผนกฉีดวัคซีนโควิด ควบไข้หวัดใหญ่ พร้อมมอบ สปสช. ออกแพคเกจจูงใจ ย้ำชัดยาฟาวิพิราเวียร์รักษาได้ทั้ง 2 โรค 

20 เมษายน 2566 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์โควิด-19 ว่า กรณีสายพันธุ์โควิด XBB ที่มองว่า เป็นสายพันธุ์ใหม่เกิดการกลายพันธุ์นั้นแต่ทางการแพทย์บอกว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสต่างๆ เกิดได้ตลอดเวลา

วัคซีนที่ประชาชนได้รับและจะมารับในฐานะเป็นเข็มกระตุ้นซึ่งเป็นวัคซีนรุ่น 2 ไบวาเลนท์ยังคงมีประสิทธิผล ลดความรุนแรงได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเดิม 608 และผู้ไม่ได้รับวัคซีนผู้มีโรคประจำตัวต่าง ๆ ควรเข้ามารับวัคซีนเข็มกระตุ้น

นอกจากนี้ประชาชนทั่วไปหากได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายเกิน 6 เดือน ทางกระทรวงสาธารณสุข ขอเชิญชวนมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อมีภูมิคุ้มกันมากขึ้นและในที่สุดโรคโควิดก็เป็นโรคประจำถิ่น การฉีดวัคซีนจะเกิดขึ้นทุกปี  

"วันนี้ได้มีการสั่งการหน่วยงานในสธ. รพ.ต่างๆ ทั้งในกทม. และทั่วประเทศให้มีการตั้งแผนกฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันโควิด ซึ่งที่ประชุมได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลจากคณะกรรมการวิชาการ เช่น อาจารย์ทวี โชติพิทยสุนนท์

อาจารย์กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจและอาจารย์กำธร มาลาธรรม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ให้ข้อมูลว่า ช่วงนี้ก่อนเข้าฤดูฝน ประชาชนจะมารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ก็ให้มาฉีดวัคซีนโควิดด้วย เป็นการฉีด 2 เข็มพร้อมกันซึ่งไม่ต้องกังวลว่า จะฉีดพร้อมกันไม่ได้เพราะอาจารย์แพทย์ฝ่ายวิชาการยืนยันฉีดได้พร้อมกันเพื่อให้เกิดความสะดวก" นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนกลุ่มเสี่ยง 608 ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ผู้ที่ให้บริการสาธารณะ จะมารับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น พร้อมกับไข้หวัดใหญ่ ทางสธ.ก็จะให้บริการ

นอกจากนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไปคิดแพคเกจที่จะทำให้ประชาชนลดความวิตกกังวล สบายใจในการมารับวัคซีน ไม่อยากใช้คำว่า โปรโมชั่นแต่ให้ประชาชนพิจารณาว่า หากมาตอนนี้ก็ดีได้ฉีด 2 เข็มในเวลาเดียวกันเพราะถือว่าขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง เสี่ยงรับโควิดและเชื้อไข้หวัดใหญ่

ต่อข้อซักถามที่ว่า แพคเกจฉีดวัคซีน 2 ชนิดทั้งป้องกันไข้หวัดใหญ่และโควิดจะเป็นลักษณะเชิญชวนหรือจูงใจประชาชนกลุ่มเสี่ยงอย่างไรนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่อยากใช้คำว่า จูงใจ แต่เป็นการให้ความสะดวก

หากไม่มีโควิด ช่วงนี้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มเข้ามารับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แต่ตอนนี้เรามีโควิด ในเมื่อเราให้บริการวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นรุ่น 2 เพราะเราได้รับการมอบจากประเทศต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเย็นวันนี้จะไปขอบคุณท่านทูตเยอรมันในการให้วัคซีนรุ่น 2 และทางอิตาลีก็แสดงความประสงค์เช่นกัน และปีนี้ก็ไม่ต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้อ เรามีเพียงพอ ส่วนการบริการเราก็เตรียมพร้อมหมด มีเตียง มีเวชภัณฑ์ไม่ต้องกังวล

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า สาธารณสุขได้เตรียมพร้อมอยู่แล้วทั้งเรื่องของไข้หวัดใหญ่ก็เป็นโรคประจำถิ่นซึ่งมียาและมีวัคซีน รวมถึงมีสถานที่ตั้งจุดฉีดต่าง ๆ โดย สปสช.มีเหมาจ่ายฉีดวัคซีนโควิดและไข้หวัดใหญ่ มีค่าเหมาจ่ายฉีดวัคซีนสำหรับหน่วยบริการวัคซีนโควิด 40 บาท ค่าฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ 20 บาท

อย่างไรก็ดี ตนได้บอกว่า เมื่อโควิดเป็นโรคประจำถิ่นแล้วก็ควรลดให้ทั่วไป ค่าฉีดเพื่อขวัญกำลังใจให้เป็น 20 บาทฉีด 2 เข็ม แต่ตรงนี้เป็นเรื่องของหน่วยบริการแต่ประชาชนไม่ต้องจ่ายอะไร

เมื่อถามว่าขณะนี้บุคลากรสาธารณสุขบางส่วนตัดพ้อว่า สธ.มีสัญญาณว่าโรคโควิดและไข้หวัดใหญ่จะระบาดปีนี้ และบุคลากรก็จะต้องรับมือทำงาน ขณะที่ค่าเสี่ยงภัยยังไม่ได้รับ บางส่วนไม่อยากทำงานอีก เพราะเหมือนรัฐไม่สนใจ   

"ผมไม่เชื่อหรอก เป็นการพูดไปของน้องๆผู้สื่อข่าวเอง ทุกวันนี้แม้ไม่มีค่าฉีดวัคซีน ก็ต้องทำงานต้องฉีดวัคซีนอยู่แล้วแต่ตรงไหนที่เราสามารถบริหารจัดการค่าเสี่ยงภัยคนทำงานโควิดได้ ท่านปลัดสธ.ไม่เคยปล่อยผ่านไป ท่านคิดตลอดว่า เมื่อไรงบประมาณมา เมื่อไรบริหารจัดการได้

ผมไม่เชื่อว่า บุคลากรสาธารณสุขจะพูดว่า หากไม่ได้ค่าเสี่ยงภัย ไม่ได้ค่าบริการต่าง ๆ จะไม่ให้บริการประชาชน ไม่ใช่ที่กระทรวงสาธารณสุขแน่นอน" นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ ช่วงนี้มีการเปิดประเทศ โอกาสที่คนไทยจะได้รับเชื้อ XBB มีแน่นอนแต่เชื้อนี้ส่วนหนึ่งเป็นโอมิครอนจึงไม่ได้รุนแรง ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเชื้อ XBB ดื้อยา

ส่วนความรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มเดิม คือ กลุ่ม 608 หรือผู้ไม่ได้รับวัคซีน หรือผู้ที่รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มสุดท้ายมาแล้ว 6 เดือนถึง 1 ปี และวัคซีนไบวาเลนท์ก็เชื้อว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนรุ่นก่อน ๆ สุดท้ายโควิดก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น