ผุด “CALL AQUEEN” เกาะกระแสตลาดวิตามิน อาหารเสริมของไทย 2.5 หมื่นล.

03 มี.ค. 2566 | 07:38 น.

ผุด “CALL AQUEEN” เกาะกระแสตลาดวิตามิน อาหารเสริมของไทย 2.5 หมื่นล้านบาท จับมือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาผลิตภัณฑ์คอลลาเจนตอบโจทย์ผู้หญิงทุกกลุ่มวัย

สุพรรณี  โอฬารฤทธินันท์ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พัฒนาผลิตภัณฑ์คอลลาเจนภายใต้แบรนด์ “CALL AQUEEN” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงให้พร้อมรับมือกับชาววัยทอง

ทั้งนี้ คอลลาเจนดังกล่าวจะเป็นชนิดผง สำหรับชงดื่ม รสแอปเปิ้ลเขียว โดยใช้การสกัดแบบ Hydrolyzed  คือการใช้น้ำสกัดสารสกัดหลัก 9 ชนิดออกมา ซึ่งการใช้น้ำเพื่อสกัดสารสกัดที่จำเป็นออกมาใช้ในการผลิต จะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายและไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกาย ส่วนใหญ่จะใช้สารเคมีในการสกัดสารสกัดออกมาใช้ในการผลิต 

นอกจากนี้ ยังเพิ่มสารสกัดจากมะเขือเทศขาว ซึ่งเป็นสารสกัดตัวใหม่ นำเข้ามาเมื่อปลายปีที่แล้ว ช่วยปกป้องผิวไม่ให้ไวต่อแสงแดด และแสงบลูไลน์  
 

อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าในระยะเวลา 1 ปีกว่า มีการพัฒนาคอลลาเจนมาอย่างต่อเนื่อง ได้มีการปรับสูตรเพื่อให้ได้ผลที่ดี มีคุณภาพมาแล้ว  4 ครั้ง พร้อมกับวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคผ่านประสบการณ์จริงของตัวเองจากการทานคอลลาเจนทุกวัน อยากได้อะไรจากสารสกัดเหล่านี้ และมีประโยชน์ในด้านไหนบ้าง 

ผุด CALL AQUEEN เกาะกระแสตลาดวิตามิน-อาหารเสริมของไทย 2.5 หมื่นล.

พร้อมกับศึกษาความต้องการคอลลาเจนในทุกช่วงวัย มีผลเอฟเฟ็กต์ต่อร่างกายอย่างไร ให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ และมีความปลอดภัยสูงต่อผู้บริโภค 

"ได้มีการเซ็นสัญญากับคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ทำการวิจัยผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์  ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดคอลลาเจน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจต่อผู้บริโภค เกิดเป็นคอลลาเจนแบรนด์ CALL AQUEEN แปลว่า สวยมั่นใจในแบบของคุณเอง" 

อคิราภ์  ว่องชาญกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นเปลี่ยนไป จะไม่พูดถึงเรื่องผิวขาว แต่จะปลูกฝังเรื่องสีผิวไหนก็สวย สวยในแบบสีผิวของตัวเอง จึงเกิดเป็นไอเดียขึ้นมา สวยในแบบสีผิวของตัวเอง โดยคอลลาเจนจะดึงส่วนผสมที่ช่วยทำให้  รูขุมขนกระชับขึ้น เรียบเนียนขึ้น โดยจะโฟกัสไปที่  Inner Beauty ( อินเนอร์ บิวตี้) คือสวยจากข้างใน หรือมีสุขภาพดีจากข้างใน ออกมาสู่ข้างนอกได้จริง 

ส่วนการทำตลาดเบื้องต้นจะทำตลาดคนไทยก่อน เจาะกลุ่มผู้หญิง ผู้ชาย และ LGBT ทุกกลุ่มวัยที่ต้องการดูแลตัวเอง ช่องทางการจัดจำหน่ายมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ควบคู่กันไป 

จากนั้นจะขยายไปกลุ่มประเทศสิงค์โปร์ มาเลเซีย และดูไบ ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมจะได้ตราฮาลาล พร้อมศึกษาความต้องการของตลาดต่างประเทศอย่างละเอียด โดยคาดว่า จะสามารถได้ส่วนแบ่งทางการตลาด 3-5% ในประเทศไทย และในอนาคตมีแผนจะแตกไลน์สินค้าคอลลาเจนเพิ่มขึ้น

ตลาดวิตามินและอาหารเสริมของไทย มีมูลค่าสูงถึง 25,269 ล้านบาท ตลาดที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดก็คือ ตลาดคอลลาเจน ซึ่งอุตสาหกรรมคอลลาเจนเติบโตสูงขึ้น 5.9 % ต่อปี

ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป และให้ความสนใจคอลลาเจนที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ทิ้งสารตกค้างหรือสารเคมีไว้ในร่างกาย ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

อีกทั้งผู้บริโภคไม่ได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตาม ดารา หรือ อินฟลูเอนเซอร์ เหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นท่ามกลางการแข่งขันสูง การใส่ใจเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า