ชง"ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน-ยุบศบค."มีผลเริ่ม 1ตค.นี้

23 ก.ย. 2565 | 00:29 น.

เสนอ“ศบค. ชุดใหญ่”วันนี้ (23 ก.ย.) พิจารณายกเลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน - ยุบ ศบค." ส่งต่อสาธารณสุข มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. 65

เมื่อวันที่ 22 ก:ย. 65 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ระบุว่า ที่ประชุมฯได้เห็นชอบเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ที่จะหารือวันที่ 23 กันยายน เพื่อพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากที่ประชุมเห็นชอบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องยุบ ศบค.แน่นอน รวมทั้งยุบหน่วยงานภายใต้ ศบค. และคำสั่งที่ออกโดย ศบค.ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม

 

หัวใจสำคัญของการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่เลขาฯ สมช. บอก เพราะต้องการให้ระบบเศรษฐกิจประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ และอยากให้ประชาชนมีอาชีพมีรายได้


พล.อ.สุพจน์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ถ้าเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยุบศบค. จะมีกลไกรองรับคือคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งเราเตรียมการมาเป็นลำดับไว้แล้ว โดยจะให้พ.ร.บ.โรคติดต่อ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่เดิม แต่อาจต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามการประชุมวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของศปก.ศบค. ยกเว้น ศบค.ชุดใหญ่ จะมีข้อสั่งการอะไรพิเศษที่ต้องดำเนินการต่อ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วงนี้ สืบเนื่องจากประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว แต่เราดูภาพรวมของประเทศ หัวใจสำคัญคืออยากให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ และอยากให้ประชาชนมีอาชีพมีรายได้ ที่ผ่านมาตัวเลขการท่องเที่ยวดีมาก ชดเชยภาวะวิกฤตเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือสถานการณ์ของโลก

 

ย้ำประชาชนเข้มอย่าการ์ดตก

 

พล.อ.สุพจน์  ยังกล่าวถึงข้อกังวลช่วงเปลี่ยนผ่านหลังโควิดกลายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังว่า สิ่งที่กังวลเป็นพิเศษคือ เรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้ายกเลิกแล้วไม่ใช่ถอดหน้ากากหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการเลย ยังต้องมีมาตรกรป้องกันส่วนบุคคล เพราะทุกวันนี้ยังมีคลัสเตอร์ย่อยๆ ในกลุ่มสังคมที่มีการรวมตัวกัน แต่ภาพรวมภูมิคุ้มกัน ประชาชนในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก มียาเพียงพอ โรงพยาบาลและหมอเพียงพอ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเปิดให้ทุกคนใช้ชีวิตปกติ ถอดหน้ากากได้ในชีวิตประจำวันเหมือนที่สหรัฐฯหรือประเทศอื่นในช่วงใด? พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ช่วงนี้เราก็ปกติ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป สิ่งที่รัฐบาลทำมาจะเห็นว่าทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เสียหายทีเดียว เราต้องคำนึงความเสียหายของประชาชนเป็นหลัก จึงต้องค่อยๆปรับตัว