1 ธันวาคม 2568 นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก (World AIDS Day) เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคเอดส์ ส่งเสริมให้สังคมเข้าใจ ยอมรับและอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างไม่ตีตรา
ในปี 2568 กำหนดแนวคิดภายใต้หัวข้อ "Overcoming disruption, transforming the AIDS response: ก้าวข้ามวิกฤต พลิกโฉมงานเอดส์" เพื่อสะท้อนถึงความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนงานด้านเอชไอวี ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสังคม เทคโนโลยี และพฤติกรรมทางเพศที่เปลี่ยนแปลงไป
พร้อมเชิญชวนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นกำลังหลักที่จะกำหนดทิศทางและมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของสังคมไทย มีส่วนร่วมในการสื่อสารและช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลความรู้และบริการสุขภาพด้านเอชไอวีอย่างครอบคลุม
สำหรับสถานการณ์เอชไอวีของประเทศไทยในปี 2567 คาดว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 565,598 คน ผู้เสียชีวิต 9,067 คน และผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,124 คน โดยกว่าร้อยละ 96 ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเร่งสร้างความตระหนักรู้และเสริมทักษะการป้องกันให้ประชาชนสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
1. ป้องกันฟรี โดยขอรับถุงยางอนามัย ที่หน่วยบริการสุขภาพของรัฐ องค์กรภาคประชาสังคม ร้านขายยา หรือผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง รวมถึงเพร็พ (PrEP) หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี ได้ที่หน่วยบริการสุขภาพที่ร่วมจัดบริการกับ สปสช. และเป๊ป (PEP) หรือยาป้องกันหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี ได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง
2. ตรวจฟรี ปีละ 2 ครั้ง ได้ที่โรงพยาบาลภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั่วประเทศ หรือรับชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-test) ได้ที่หน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. หน่วยบริการภาคประชาสังคม หรือผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
3. รักษาฟรี ด้วยยาต้านเอชไอวีแบบรวมเม็ด (ARV) ตั้งแต่วันที่ทราบผลการติดเชื้อ หากกินยาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จะช่วยลดปริมาณไวรัสในเลือดให้ต่ำกว่า 200 copies/ml หรืออยู่ในระดับที่ตรวจไม่พบเชื้อ และไม่ถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่น เพื่อลดโอกาสการเจ็บป่วยด้วยโรคแทรกซ้อน มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ประเทศไทยพร้อมก้าวข้ามข้อจำกัด ปรับตัวให้เท่าทันต่อบริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มุ่งสู่เป้าหมาย "ไม่ติด - ไม่ตาย - ไม่ตีตรา" เพื่อลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้เหลือไม่เกิน 1,000 รายต่อปี ลดการเสียชีวิตจากเอดส์ให้เหลือไม่เกิน 4,000 รายต่อปี และลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวเนื่องกับเอชไอวีและเพศภาวะให้เหลือไม่เกินร้อยละ 10 ภายในปี 2573 พร้อมมุ่งสร้างสังคมที่สนับสนุนสุขภาพดีอย่างยั่งยืนสำหรับประชาชนทุกคน