ร่วมพลิกวิกฤต 'หงส์ไทย' สู่โอกาส 'สมุนไพรไทย' บนเวทีโลก

10 พ.ย. 2568 | 02:50 น.

ถอดบทเรียน 'หงส์ไทย' หลัง อย. สั่งเรียกคืนและบุกตรวจโรงงาน เขย่าวงการยาดมสมุนไพรยอดขายลดฮวบ 80% ย้ำเป็นบทเรียน SME ที่เติบโตเร็วแต่ระบบไม่พร้อม ภาครัฐเร่งจับมือเอกชนยกระดับอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล ผลักดัน Soft Power ไทยให้กลับมายืนแถวหน้าในเวทีโลก

KEY

POINTS

  • อย. เรียกคืนยาดมหงส์ไทยจากการปนเปื้อนและพบโรงงานไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและยอดขายของอุตสาหกรรมยาดมสมุนไพรทั้งระบบ
  • กรณีดังกล่าวเป็นบทเรียนให้ผู้ประกอบการ SME ที่เติบโตเร็ว โดยหงส์ไทยพร้อมแก้ไขและยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่สากลโดยมีภาครัฐให้การสนับสนุน
  • ภาครัฐเตรียมแผนยกระดับอุตสาหกรรมยาดมสมุนไพรสู่ S-Curve ใหม่ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและผลักดัน Soft Power ของไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลก

เป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่าง "สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา" หรือ อย. ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งอาหาร ยา เครื่องสำอาง และวัตถุอันตรายให้มีคุณภาพและความปลอดภัยสำหรับประชาชน กับบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาดมสมุนไพร "หงส์ไทย" ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด และหนึ่งใน Soft Power ของไทย กลายเป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้ประกอบการ SME ไทยต้องรู้และเข้าใจ

เมื่อ อย. ออกประกาศเรียกคืนสินค้า "ยาดมหงส์ไทย สูตร 2 ล็อตที่ 332" หลังจากการตรวจสอบตามกระบวนการพบว่า มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์เกินมาตรฐาน จากนั้นได้ขยายผลโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบไปถึงต้นตอการผลิตผลิตภัณฑ์ด้วย

พบว่า โรงงานและคลังสินค้า 4 แห่งในจังหวัดสมุทรสาครที่ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรหงส์ไทยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งส่งผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบรนด์หงส์ไทยเท่านั้นแต่ได้สั่นสะเทือนไปถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยทั้งระบบด้วย

ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบเฉพาะตลาดยาดมเนื้อสมุนไพรยอดขายหดหายไปมากกว่า 80% ทั้งนี้ จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ตลาดยาดมในประเทศมีมูลค่ารวม 4,500 ล้านบาทโดยยาดมสมุนไพรมีมูลค่าตลาดกว่า 1,300 ล้านบาทมีผู้ประกอบการในกลุ่มนี้กว่า 200 ราย

กรณีของหงส์ไทยเป็น Case study สำคัญสำหรับเอสเอ็มอีไทยที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ขาดความพร้อมด้านมาตรฐานและการปรับตัวตามกฎระเบียบ เมื่อธุรกิจขยายตัวจากการขายยาดมเดือนละหลักหมื่นกระปุกมาเป็นหลักล้านกระปุก ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคก็เปลี่ยนจากระดับอำเภอระดับจังหวัดไปสู่ระดับประเทศและระดับโลก

"เชื่อว่า เรื่องนี้ไม่มีใบสั่งจากภาคเอกชนแต่อย่างใดเนื่องจากต่างมองว่า หงส์ไทย คือ นักกีฬาทีมชาติที่ประสบความสำเร็จได้เหรียญทอง แล้วทำไมจะต้องมาเตะตัดขากันเองเพราะถ้าเพื่อนสะดุดก็สะดุดกันทั้งอุตสาหกรรมแต่ถ้า หงส์ไทยโตเราก็โตตามเขา แต่วันนี้ฟุบทั้งตลาด สิ่งสำคัญที่สุด คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาให้ได้

ที่พลาดไป คือ ประเทศไทยมีโรงงานรับจ้างผลิตที่ได้มาตรฐานมากมายไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานยุโรปหรือมาตรฐานอเมริกาเพียงแค่เลือกโรงงานที่ชอบ

นอกจากนี้สิ่งที่อย.ช่วยอีกประการ คือ ทั้งแบรนด์และทะเบียน ยังเป็นของเจ้าของแบรนด์ เพียงแค่เจ้าของแบรนด์เอาทะเบียนไปให้โรงงานโออีเอ็ม ระหว่างนี้เจ้าของแบรนด์ก็สร้างโรงงาน เมื่อเสร็จแล้วก็ย้ายทะเบียนกลับมาก็ได้ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องมีความรู้รอบด้าน"

การดำเนินการของ อย.ในครั้งนี้หนีไม่พ้นถูกตั้งคำถามจากสังคม โดยนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการ อย. ยืนยันว่า การปฏิบัติงานเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ยึดหลักความโปร่งใสและความปลอดภัย

กระทรวงไม่ใช่เครื่องมือในการทำลายคู่แข่งหรืออุตสาหกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น การตรวจค้นเป็นผลจากการสืบหาต้นตอการผลิตหลังจากการตรวจพบการปนเปื้อนดังกล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูลระบุว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 อย. ได้ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ยาดมรวม 10 ยี่ห้อเข้าตรวจวิเคราะห์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบ 3 ยี่ห้อที่ตกมาตรฐานโดย "หงส์ไทย" ก็เป็นหนึ่งในนั้นซึ่งกรมวิทย์ฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบยืนยันผลอย่างน้อย 2 ครั้งเพื่อให้มั่นใจในความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ก่อนการประกาศผลซึ่งกระบวนการนี้เป็นไปตามโปรโตคอลของหน่วยงาน FDA ทั่วโลก

ร่วมพลิกวิกฤต 'หงส์ไทย' สู่โอกาส 'สมุนไพรไทย' บนเวทีโลก ภายหลังจากที่ นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ได้ยอมรับและขอโทษต่อสาธารณชนพร้อมแสดงความรับผิดชอบยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทาง อย. และ สธ.ได้ร่วมประชุมเพื่อให้คำแนะนำและพร้อมให้การสนับสนุนการผลิตอย่างถูกต้อง โดยผู้บริหาร หงส์ไทย ได้แสดงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา มีแผนยกระดับมาตรฐานการผลิตไปสู่ GMP ASEAN

รวมถึงการหารือกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) เพื่อนำสินค้าที่อาจมีปัญหาไปฆ่าเชื้อด้วยรังสีซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้บริโภค

อย่างไรก็ดี เลขาธิการ อย. ยืนยันว่า สถานที่ผลิตที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายของหงส์ไทยนั้นยังไม่ถูกเพิกถอนบริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าล็อตอื่น ๆ ที่ไม่พบปัญหาได้ตามปกติ ส่วนสินค้าที่ยึดอายัดไว้ 2 ล้านชิ้นจากโรงงานที่ลักลอบผลิตจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ในส่วนของภาครัฐเองได้ปรับยุทธศาสตร์เพื่อฟื้นฟูตลาดสมุนไพรทั้งระบบเช่นเดียวกัน โดย นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกซึ่งรับนโยบายจากนายพัฒนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เตรียมเสนอแผนยกระดับอุตสาหกรรมยาดมสมุนไพรสู่ Medical & Wellness S-Curve เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี

ขณะที่ในส่วนของ อย.พร้อมดำเนินการมาตรการเพื่อยกระดับมาตรฐานสมุนไพรไทย อาทิ การยกระดับมาตรฐานการผลิต (GMP) โดยประสานงานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด, ความรวดเร็วในการขออนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-submission) ให้เท่าทันความต้องการของผู้ประกอบการ รวมถึงการสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพ และการบูรณาการความร่วมมือเพื่อสร้างระบบนิเวศโดยร่วมมือกับพันธมิตรเครือข่าย พัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมให้สมุนไพรมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับในระดับสากล

ด้าน ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า กรมฯให้การบริการตรวจวิเคราะห์ ทั้งในลักษณะของ Pre-testing คือ การตรวจรับรองตามมาตรฐานก่อนการยื่นขอขึ้นทะเบียน อย. หากพบความผิดปกติจะแจ้งผู้ประกอบการให้ไปปรับปรุงแล้วนำกลับมาตรวจซ้ำ เมื่อผ่านก็สามารถนำผลไปยื่นกับอย.ได้ และ Post Marketing คือ การเฝ้าระวังหลังผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดซึ่งใช้เวลาประมาณ 7 วันและการตรวจยืนยันตามมาตรฐานใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์โดยปัจจุบันมีห้องปฏิบัติที่ส่วนกลางและกระจายอยู่อีก 15 แห่งในศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ

จากวิกฤต "หงส์ไทย" ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องต้องจับมือร่วมเดินหน้าไปด้วยกันเพื่อขับเคลื่อนพลัง Soft Power ของไทยให้ลงสนามแข่งขันได้ในระดับโลก

การที่ผู้ประกอบการยอมรับความผิดพลาดและมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานสู่สากลโดยมีภาครัฐในฐานะผู้ควบคุมและผู้สนับสนุนให้โอกาสถือเป็นก้าวสำคัญที่จำเป็นในการกอบกู้ความเชื่อมั่นและฟื้นฟูภาพลักษณ์ของสมุนไพรไทยในตลาดโลกให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนได้

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,147 วันที่ 9 - 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568