KEY
POINTS
นายสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS กล่าวว่า อุตสาหกรรม Wellness ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดการณ์อัตราการเติบโตสูงเกือบ 20% ต่อปี และในประเทศไทยธุรกิจ Wellness Economy มีมูลค่ารวมกว่า 6.6 แสนล้านบาท เฉพาะธุรกิจสปามีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านบาท กำลังขยายตัวต่อเนื่อง เติบโตเฉลี่ยราว 9-10% ต่อปี และในส่วนนี้เซกเมนต์นวดไทยเติบโตเร็วที่สุด
โดยกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 25-50 ปี เริ่มมีความตื่นตัวด้าน Wellness สูงขึ้น และมองว่าการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็น การทำสปาก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพียงแค่ให้รางวัลตัวเองหลังจากการทำงาน แต่คือ "การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน" คล้ายกับการเข้าฟิตเนส นับเป็น "Human Clinic" แห่งหนึ่งดังนั้น บริษัทจึงได้เปิดตัวแบรนด์ “KLAI” (คลาย) บริการนวดแผนไทยรูปแบบใหม่
ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ทันสมัย เข้าถึงง่าย ให้ประสบการณ์ผ่อนคลายในระดับพรีเมียม ตั้งแต่การบริการ ผลิตภัณฑ์ภายในร้าน บรรยากาศ ไปจนถึงมาตรฐานการนวด ผ่านการนำเสนอประสบการณ์ Wellness ครบวงจรภายใต้แนวคิด 5 Senses Experience ได้แก่ กลิ่น เสียง สัมผัส รส และภาพ
“เราเน้นการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นที่มีความเป็นส่วนตัวสูง บนทำเลศักยภาพใจกลางเยาวราช-ทรงวาด เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยหยิบยกศาสตร์การนวดไทยมาเล่าใหม่ให้ดูร่วมสมัย ใช้ฤษีดัดตนเข้ามาสื่อสาร ถ่ายทอดให้คนยุคใหม่เข้าใจมากขึ้น สอดรับกับกระแสความตื่นตัวด้านสุขภาพในเรื่อง wellness เพิ่มศักยภาพให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนกลางในเรื่องนี้”
นายสมิทธิ์ กล่าวว่า KLAI ต้องการมอบประสบการณ์ที่แตกต่างและเหนือกว่าการนวดไทยทั่วไปกับฐานลูกค้า ด้วยกสารการพัฒนาบริการทรีทเม้นท์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์รวม 4 ประเภท ได้แก่
นอกจากนี้ยังมี Workshop การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรสูตรเฉพาะ อาทิ ยาดม ยาหม่อง บาล์ม และ KLAI Café ชั้นลอย พร้อมใช้สมุนไพรไทยเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม Non-Alcohol อีกด้วย
KLAI ยังตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นผู้นำนวดไทยสไตล์โมเดิร์น และมีแผนขยายสาขาในทำเลศักยภาพเพื่อครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างน้อย 3 สาขาภายในปี 2570 ควบคู่กับการขยายแบรนด์ Park Massage อีก 3 สาขาในปีเดียวกัน พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่าน Social Media, Influencer Marketing และกิจกรรม Collaboration รวมถึงอีเว้นท์ด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ เพื่อต่อยอดฐานลูกค้าใหม่
ขณะเดียวกันก็พยายามผลักดันจำนวนผู้ใช้บริการในปี 2569 ให้เพิ่มขึ้น 10-15% เพื่อสร้างรายได้เติบโตเฉลี่ย 100% ต่อปี โดยเน้นลูกค้าต่างชาติกลุ่มนักท่องเที่ยวาวเอเชีย ไต้หวัน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ที่มีความต้องการเฉพาะทางด้านนี้สูง ซึ่งการนวดไทย แพทย์แผนไทย เป็นศาสตร์เฉพาะทางธรรมชาติ สามารถมาผนวกเข้าด้วยกันตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม นัยสำคัญในอุตสาหกรรมสปาไทย ถือเป็น New Soft Power ตลาดนวดไทยยังมีศักยภาพเติบโตสูงจากกำลังซื้อของทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มูลค่าตลาด Wellness & Spa ของไทยขยายตัวต่อเนื่อง ผู้บริโภครุ่นใหม่ใช้บริการด้านสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายหลักวัยทำงานและ Gen Y–Gen Z ที่ให้ความสนใจการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
ดังนั้น กาาสร้างประสบการณ์ไทยสปาแบบครบวงจร ประกอบด้วยศาสตร์การนวดแผนไทยประยุกต์และสมุนไพรท้องถิ่น ยังเป็นช่องว่างในตลาดปัจจุบัน ทำให้แบรนด์ KLAI มีโอกาสครองส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างตรงจุด ด้วยบริการคุณภาพและรูปแบบทันสมัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า