KEY
POINTS
นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า อาการปวดท้องรุนแรงใต้ชายโครงขวา คลื่นไส้ อาเจียนและมีไข้ สาเหตุอาจเพราะ “นิ่วในถุงน้ำดี” เกิดภาวะ “ถุงน้ำดีอักเสบ” ซึ่งคือน้ำดีที่ตกผลึกจนกลายเป็นก้อนเล็กๆ ไปอุดตันบริเวณคอของถุงน้ำดี ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ
แนวทางการรักษาสากล แนะนำให้ผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะเป็นช่วงที่ผ่าตัดได้ไม่ยากมาก ปลอดภัย ลดโอกาสอักเสบซ้ำ และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานานๆ แต่ในหลายกรณีก็มีข้อจำกัด ทั้งระบบการรักษาพยาบาล ตลอดจนความชำนาญของศัลยแพทย์
ในกรณีแรก หากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคปอดหรือโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยทันทีอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าการให้ยาฆ่าเชื้อ ต้องเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมก่อนการผ่าตัด
ในกรณีที่สอง เมื่อถุงน้ำดีอักเสบมาแล้วในระยะหนึ่ง (เกิน 72 ชั่วโมง) เนื้อเยื่อรอบ ๆ ถุงน้ำดีจะบวม แข็งตัว และมีเลือดมาเลี้ยงมากกว่าปกติ ทำให้ผ่าตัดได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้นต้องให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อลดอาการอักเสบ รอให้หายติดเชื้อก่อน 4-6 สัปดาห์ จึงจะได้สามารถผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย แต่ทั้งนี้ขึ้นกับความชำนาญของศัลยแพทย์ด้วยเช่นกัน
ในกรณีที่สาม ปัจจัยจากข้อจำกัดต่างๆ ของระบบการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐที่จะต้องรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก หากคิวห้องผ่าตัดอาจจะยาว การให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อลดอาการอักเสบจึงอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
“ในผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีในทันที หลายคนจะมีอาการปวดเป็นๆ หายๆ กินอาหารไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียน ต้องเข้าออกโรงพยาบาลหรือสุดท้ายจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน เนื่องจากมีอาการปวดมาก หรือมีอาการอักเสบซ้ำซ้อน”
ดังนั้น การพิจารณาผ่าตัดกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยจะต้องพิจารณาถึงความปลอดภัย จากทั้งด้านสุขภาพของผู้ป่วยและข้อจำกัดของแต่ละสถานการณ์ สิ่งสำคัญที่สุด หากเคยมีอาการถุงน้ำดีอักเสบแล้ว ควรเฝ้าระวังอาการปวดรุนแรง มีไข้ หรือตัวเหลือง ตาเหลือง เมื่อมีอาหารเหล่านี้ต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ทำให้การผ่าตัดจะยากขึ้น