KEY
POINTS
แพทย์หญิงขวัญนุช ศรีกาลา กุมารแพทย์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี หนึ่งในโรงพยาบาล PRINC Group กล่าวว่า ในประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งในเด็กรายใหม่ประมาณ 900 คนต่อปี หรือคิดเป็น 74.9 คนต่อประชากรเด็กล้านคนต่อปี โดยช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ 1-4 ปี โดยโรคมะเร็งในเด็กมักเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ที่กำลังเจริญเติบโต แต่มีปัจจัยร่วม หรือปัจจัยเสริม
เช่น สิ่งแวดล้อม การติดเชื้อ ยาฆ่าแมลง สารพิษที่ปนเปื้อนในน้ำดื่ม การบริโภคของมารดาขณะตั้งครรภ์ และการที่เด็กได้รับรังสีบางชนิดในปริมาณสูง มักจะพบได้ 1 ใน 10 ของโรคมะเร็งในผู้ใหญ่ เกิดกับเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา จนถึงเด็กที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี และเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากกว่าร้อยละ 50 รองลงมา คือ มะเร็งสมอง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งต่อมหมวกไต ซึ่งมะเร็งในเด็กนั้นนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของเด็กและวัยรุ่น
อาการแสดงของมะเร็งแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เช่น มีไข้ ซีด เลือดออกผิดปกติ มีก้อน ซึมลง อ่อนแรง อาการมักจะเหมือนความเจ็บป่วยทั่วไป แต่จะมีลักษณะเฉพาะบางอย่าง ต้องอาศัยการตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยวินิจฉัย โดยระยะของโรคมะเร็งในเด็กแต่ละชนิดมีรายละเอียดแตกต่างกันไป โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะเช่นเดียวกับผู้ใหญ่
มีทั้งมะเร็งชนิดเดียวกับผู้ใหญ่และชนิดที่ต่างจากผู้ใหญ่แต่ส่วนมากชนิดของมะเร็งเกือบทั้งหมดจะเป็นชนิดที่แตกต่างจากในผู้ใหญ่ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งพบมากกว่าร้อยละ 50 ของมะเร็งทั้งหมด โรคมะเร็งสมอง โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งต่อมหมวกไต
"หลายปีที่ผ่านมาการรักษามะเร็งในเด็กในประเทศไทยดีขึ้นมาก ผลการรักษาค่อนข้างดี ใกล้เคียงกับในต่างประเทศและเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันนั้นประเทศไทยก็มีประสิทธิภาพดีกว่า"
โรคมะเร็งในเด็กสามารถรักษาด้วยวิธีเดียวกับการรักษาโรคมะเร็งในผู้ใหญ่ คือ การผ่าตัด ให้ยาเคมีบำบัด การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก และการฉายแสง แต่การที่แพทย์จะเลือกวิธีการใดนั้น ขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง การตอบสนองต่อเคมีบำบัดชนิดของโรคมะเร็ง อวัยวะที่เป็นมะเร็ง อายุของเด็ก และสุขภาพร่างกายของเด็ก ซึ่งโรคมะเร็งในเด็กมักจะมีความรุนแรงสูง แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้
วิธีการป้องกันโรคมะเร็งในเด็ก การแพทย์ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดมะเร็ง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆหรือสารก่อมะเร็ง จากอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว โดยเฉพาะคุณแม่ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น อาหารสำเร็จรูป บุหรี่ และแอลกอฮอล์ แล้วคอยหมั่นสังเกตเด็ก หากพบความผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที
แพทย์หญิงขวัญนุช กล่าวว่า ถึงแม้จะยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดของการเกิดมะเร็งในเด็ก แต่หากตรวจพบเร็ว ก็จะช่วยให้มีโอกาสรอดชีวิตได้กลับไปสู่อ้อมอกครอบครัวตามเดิม ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจดูแลลูก พาไปพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ รวมถึงให้อยู่ห่างจากปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมาได้