ตระหนักรู้โรคร้าย ‘มะเร็งต่อมน้ำเหลือง’ ภัยเงียบที่รักษาได้

01 ก.ย. 2568 | 23:30 น.

‘มะเร็งต่อมน้ำเหลือง‘ เป็นภัยเงียบรุนแรง พบผู้ป่วยในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่ง ประเทศไทย จึงเตรียมจัดงาน "GLOW from WITHIN" ให้ความรู้ฟรี ด้านนวัตกรรมการรักษา 14 กันยายน 2568 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

KEY

POINTS

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองภัยเงียบที่มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
  • รณรงค์สร้างความตระหนักรู้เนื่องในวันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโลก (15 ก.ย.) เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน
  • ปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษาใหม่ๆ เช่น ภูมิคุ้มกันบำบัด และ "ยาที่มีชีวิต" ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด
  • การตรวจคัดกรองและเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้

ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สามารถพบได้บ่อย และพบเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี   อัตราการเกิดโรค (incidence) เฉลี่ยต่อประชากรอายุ 20 ปีขึ้นไป ประมาณ 6.4 รายต่อประชากร 1 แสนคน ผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 3.4 รายต่อประชากร 1 แสนคน ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับอดีต 

นับเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการรณรงค์ให้ความรู้และเตือนให้ตรวจสุขภาพแต่เนิ่นๆ อย่างต่อเนื่อง และเพื่อการตอบสนองกับการรักษาได้ดี และมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญ และตื่นตัวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นอย่างมาก จึงยกให้วันที่ 15 กันยายน ของทุกปี ตรงกับ "วันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโลก" 

โดยชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย จึงจัดกิจกรรมและเสวนา "MIRACLE 11: GLOW from WITHIN" ปาฏิหาริย์ เปลี่ยนมะเร็ง ให้เป็นสุข: เปล่งประกายจากภายใน ให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการรักษาแก่ผู้ป่วย ในวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 12.00 – 16.00 น. ชั้น 3 โซน Eden ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ตระหนักรู้โรคร้าย ‘มะเร็งต่อมน้ำเหลือง’ ภัยเงียบที่รักษาได้

“การจัดกิจกรรมรณรงค์ในปีนี้ มุ่งเน้นการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma: NHL) เพื่อลดความเข้าใจผิด และส่งกำลังใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอดีตการรักษาหลักคือเคมีบำบัดและการฉายรังสี แต่ปัจจุบันแนวทางการรักษาที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ “ภูมิคุ้มกันบำบัด” สามารถดึงศักยภาพของร่างกายผู้ป่วยมาใช้ในการกำจัดเซลล์มะเร็งอย่างตรงเป้าและแม่นยำมากขึ้น”

ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าวว่า แนวทางนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ผลการรักษาดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่วสผู้ป่วยมะเร็งที่โรคกลับมาเป็นซ้ำ มีบำบัดที่เรียกว่า "ยาที่มีชีวิต" โดยนำเซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมาผ่านกระบวนการปรับแต่งพันธุกรรมในห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างให้ตรวจจับและโจมตีเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ ยังมียาในรูปแบบรับประทานชนิดใหม่ ที่สามารถรับประทานได้เองที่บ้าน เพิ่มอิสระในการใช้ชีวิต และมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการรักษา

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงการค้นพบยาตัวใหม่ แต่คือการพลิกโฉมการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งระบบ อนาคตการรักษาจะชาญฉลาดและจำเพาะเจาะจงมากขึ้น รบกวนร่างกายน้อยลง และออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายอย่างแท้จริง

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า การตรวจคัดกรองและเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น สามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุขในระยะยาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง และขยายโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์เชิงรุกได้อย่างทั่วถึง

แนวทางนี้สอดคล้องกับภารกิจของชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการเผยแพร่ความรู้ ส่งเสริมการตรวจสุขภาพ และผลักดันการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด โดยเฉพาะหากสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก