19 สิงหาคม 2568 แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ปี 2568 ล่าสุด พบผู้ป่วย 4,221 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แนวโน้มผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้น และสูงกว่าปี 2567
ทั้งนี้ การติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่างสามารถเกิดการติดเชื้อได้ในทุกกลุ่มอายุแต่อาการจะรุนแรงในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนดและผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติ เป็นต้น
สามารถติดต่อได้ผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ของเล่น ฯลฯ เชื้อ RSV
ทั้งยังสามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง มีระยะฟักตัวอยู่ที่ 2 - 8 วัน โดยส่วนใหญ่เฉลี่ย 4 - 6 วัน การรักษาโรค RSV ในปัจจุบันเป็นการรักษาตามอาการ ยังไม่มียาต้านไวรัสที่จำเพาะ
ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ปี 2568 พบผู้ป่วย 611,616 ราย ผู้เสียชีวิต 257 ราย พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน จำนวน 43 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่พบในสถานศึกษา และตั้งแต่สัปดาห์ที่ 24 พบแนวโน้มผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
ส่วนสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่วันที่ 1 มกราคม - 13 สิงหาคม 2568 ผู้ป่วยสะสม 440,961 ราย ผู้เสียชีวิต 53 ราย ในผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว 32 ราย เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง และภาวะบกพร่องทางสติปัญญา เป็นต้น
กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 5 - 9 ปี สายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุด เป็น A/H1N1 (pmd09) ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคม มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน 4 เหตุการณ์ โดยพบในศูนย์อพยพชั่วคราวชายแดนไทยกัมพูชา 3 เหตุการณ์ และเรือนจำ 1 เหตุการณ์
คำแนะนำ :
สำหรับโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบทางเดินหายใจ ปฏิบัติตามมาตรการ "ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด" คือ
1. ปิด เมื่อไอหรือจาม ควรใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากจมูกทุกครั้ง หากป่วยควรสวมหน้ากากอนามัย
2. ล้าง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ หรือหลังเข้าห้องน้ำ
3. เลี่ยง หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรืออยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือ
4. หยุด เมื่อมีอาการป่วย ควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมต่างๆ จนกว่าจะหายดี
ทั้งนี้ สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยงแนะนำให้เข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นประจำทุกปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนที่ร่วมโครงการในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2568
สำหรับสถานที่ที่มีการรวมตัวของคนหมู่มาก ควรจัดจุดอำนวยความสะดวกในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค เช่น ทำป้ายคำแนะนำ หรือหน่วยบริการให้คำแนะนำ จัดอ่างล้างมือพร้อมสบู่ กระดาษทิชชู ในห้องน้ำทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อย ๆ เช่น ราวบันได ลูกบิดประตูห้องพัก/ห้องน้ำ จัดหาหน้ากากอนามัยให้ผู้ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่