นพ.เจริญ มีนสุข ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลไทยนครินทร์ฉลองวาระครบรอบ 32 ปี จากจุดเริ่มต้นที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวบางนาด้วย 6 แผนกหลัก ได้แก่ อายุรกรรม, ศัลยกรรม, สูติ-นรีเวช, ตา-หู-คอ-จมูก, ทันตกรรม และกุมารเวชกรรม สู่บริการดูแลรักษาเฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนในเขตกรุงเทพตะวันออก และภาคตะวันออกของประเทศไทย
ทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมแพทย์คุณภาพที่ให้การรักษาด้วยประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ แผนกสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization) และศูนย์ไตเทียม รองรับผู้ป่วยโรคหัวใจและไต, ศูนย์มะเร็งโฮลิสติค เพื่อดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมทั้งร่างกายและจิตใจ, ศูนย์โรคทางเดินอาหาร และศูนย์โรคเต้านม รองรับโรคเฉพาะทางอย่างครอบคลุม
รวมไปถึงศูนย์สมองและระบบประสาท โดยมีฐานลูกค้าเดิมที่กลับมาใช้บริการซ้ำกว่า 90% แบ่งเป็นผู้ป่วยคนไทย 95% และผู้ป่วยต่างชาติที่อาศัยอยู่บริเวณรอบประมาณ 5%
"ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา เราเติบโตและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง วันนี้เรามีผู้ป่วยนอก (OPD) ประมาณ 1,300 คนต่อวัน ผู้ป่วยใน (IPD) ประมาณ 100 เตียง จากทั้งหมดประมาณ 190 เตียง และเราพร้อมที่จะก้าวสู่การให้บริการระดับสู่สากล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างเต็มศักยภาพ ท่ามกลางแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลในปัจจุบันที่ถือว่าดุเดือดรุนแรงมาก ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำเพื่อให้แข่งขันได้คือ ปรับปรุงระบบภายในให้แข็งแรง และพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีขึ้น"
ด้าน นายฐิติ สิหนาทกถากุล ประธานบริหาร บริษัท โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่วันแรกของการก่อตั้งโรงพยาบาลไทยนครินทร์จนถึง 32 ปีในปัจจุบัน ถือว่าได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ป่วยที่เป็นลูกค้าซึ่งเข้ามารับบริการ ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และพนักงานทุกคนที่ร่วมกันทำงานหนัก ซึ่งสามารถต่อยอดฐานลูกค้าไปได้ในอนาคต
ในปี 2567 โรงพยาบาลไทยนครินทร์ มีรายได้ประมาณ 2,600 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2568 ไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยได้ลงทุนเฉพาะเครื่องมือแพทย์ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท พร้อมแผนรุกตลาดต่างชาติให้มากขึ้น เริ่มต้นด้วยการขยายความร่วมมือในระดับนานาชาติ ด้วยการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อาซานดา จำกัด (AASANDHA Co., Ltd.) จากประเทศมัลดีฟส์
เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนพันธกิจ “Growing with Trust” อย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่นที่ขยายข้ามพรมแดน และความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรสุขภาพที่เชื่อถือได้ในระดับภูมิภาค และพร้อมรองรับลูกค้าจากกลุ่ม CLMV และกลุ่มกำลังซื้อสูงอย่างอาหรับ พยายามดึงดูดให้ลูกค้าเดินทางเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยให้มากขึ้น ผ่านการออกไปโปรโมทศักยภาพ บริการ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
"จะสังเกตเห็นได้ว่าโรงพยาบาลเราอยู่ในย่านบางนา เป็นอีกเมืองหนึ่งของกรุงเทพฯ เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมเอาไว้และเร่งขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การดูแลผู้ป่วยต่างชาติด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ระดับสากล ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนการรักษา การเดินทาง การพักฟื้น ตลอดจนบริการเฉพาะทางที่ครอบคลุมทุกมิติของสุขภาพ
นายฐิติ กล่าวว่า จากฐานลูกค้าต่างชาติที่มีอยู่ 5% ตั้งเป้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% ภายในปี 2569 นับเป็นเป้าหมายที่ท้าทายพอสมควร และจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของโรงพยาบาลไทยนครินทร์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยวางตำแหน่งของโรงพยาบาให้ตอบโจทย์ลูกค้าในราคาระหว่างระดับ A-B โดยมุ่งมั่นให้บริการมาตรฐานเทียบเท่า A หรือคุณภาพเทียบเท่าโรงพยาบาลชั้นนำอันดับต้นๆ ของไทย
โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ยังมุ่งสู่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการแพทย์แม่นยำที่ตอบโจทย์การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลไทยนครินทร์ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพื่อตอบรับกับแนวโน้มการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและการแพทย์สมัยใหม่ ที่เน้นการป้องกันและความแม่นยำเฉพาะบุคคล
นอกจากนี้ ยังได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสุขภาพ โดยการขยายเครือข่ายพื้นที่ให้บริการเพื่อเข้าถึงชุมชนมากยิ่งขึ้น เปิดให้บริการไทยนครินทร์คลินิกเวชกรรม ตลาดทิพย์เกสร, โรงพยาบาลเฉพาะทางเต้านมและนรีเวชไทยนครินทร์ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงการร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคม เพื่อดูแลผู้ประกันตนด้านโรคหัวใจทั่วประเทศใน 4 หัตถการสำคัญ เพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษาที่รวดเร็วขึ้น
ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงเป้าหมายของไทยนครินทร์ในการเป็น “ระบบสุขภาพที่ครบทุกมิติ” ดูแลเคียงข้างผู้ป่วยในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิต