ผลประกอบการโรงพยาบาลเอกชนไทย ในไตรมาส 1 ปี 2568 ยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ แม้ตลาดโดยรวมมีแนวโน้มชะลอตัว ตามรายงานของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ที่คาดการณ์ว่าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยในปี 2568 จะขยายตัวเพียง 3% คิดเป็นมูลค่าราว 3.3 แสนล้านบาท ขณะที่ปี 2567 มีมูลค่าราว 3.2 แสนล้านบาทเติบโต 4%
ดร. เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,251.2 ล้านบาท เติบโต 15.8% มีกำไรสุทธิ 200.5 ล้านบาท เติบโต 26.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เติบโตสูงถึง 88.1% โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 15% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
“ผลประกอบการในไตรมาสแรกนี้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการเติบโตของรายได้จากลูกค้าต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น ดังนั้นแนวโน้มในไตรมาส 2-3 นี้ จึงมีความเชื่อมั่นว่าลูกค้าจากตะวันออกกลางจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
สอดรับกับผลประกอบการของ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ที่พบว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2568 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 28,453 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 4,346 ล้านบาท เติบโต 7% ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้ค่ารักษาพยาบาล โดยผู้ป่วยชาวไทยเติบโต 4% และผู้ป่วยชาวต่างชาติเติบโต 11% โดยเฉพาะรายได้จากผู้ป่วยชาวกาตาร์ที่เพิ่มขึ้น 56% ตามด้วยชาวอังกฤษ 24% และชาวอเมริกัน 22%
ขณะที่ นายแพทย์ไพบูลย์ เอกแสงศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กล่าวว่า ไตรมาส 1/2568 THG มีรายได้รวม 2,231 ล้านบาท ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 2,336.79 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 21.5% เป็น 22.36% และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 13.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ทำได้ 6.37 ล้านบาท
“การเติบโตของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนไทยในไตรมาสแรกของปี 2568 อยู่ในสภาวะชะลอตัวจากความผันผวนของเศรษฐกิจระดับมหภาค ส่งผลให้ผู้ป่วยชาวไทยลดการใช้บริการสุขภาพที่ไม่เร่งด่วนลง อาทิ อาการเจ็บป่วยทั่วไป ตรวจสุขภาพประจำปี ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายมากขึ้น ในส่วน THG เองก็เผชิญสภาวะนี้เช่นเดียวกัน ส่งผลให้รายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลงตามจำนวนคนไข้” นายแพทย์ไพบูลย์ กล่าว
เช่นเดียวกับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ที่พบว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 มีรายได้รวม 6,208 ล้านบาท ลดลง 5.6% และมีกำไรสุทธิ 1,734 ล้านบาท ลดลง 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลง 6.1% ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ 9.7% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากช่วงเดือนรอมฎอน
ด้านนายสุริยันต์ โคจรโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท ศิครินทร์ (SKR) กล่าวว่า ในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,532 ล้านบาท ลดลง 0.44% มีกำไรสุทธิ 207 ล้านบาท ลดลง 12.94% สาเหตุมาจากรายได้จากการรักษาโรคยากที่ซับซ้อนด้วยการผ่าตัดลดลงจากกลุ่มลูกค้าประกันสังคมผ่านโครงการ MOU ที่ปรับลดจำนวนกลุ่มโรคจากเดิม 5 กลุ่มโรคคงเหลือ 2 กลุ่มโรค ขณะที่รายได้จากการรักษาพยาบาลกลุ่มลูกค้าทั่วไปเพิ่มขึ้น
โดยบริษัทเตรียมเร่งพัฒนา “สถาบันการแพทย์เฉพาะทาง” เพื่อเสริมขีดความสามารถด้านการรักษา ยกระดับประสบการณ์ผู้ป่วยประกันสังคมผ่านโครงการ SSO Plus พร้อมขยายบริการโรงพยาบาลเคลื่อนที่ทั่วประเทศ เพื่อผลักดันรายได้รวมทั้งปี 2568 ให้เติบโตถึง 6,500 ล้านบาท
นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้ 1,462.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของโรงพยาบาลในเครือและรายได้จากการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนกลุ่มบริษัทประกันภัย กลุ่มผู้ป่วยทั่วไป กลุ่มลูกค้าองค์กร และโครงการสวัสดิการภาครัฐ
โดยกลยุทธ์การดำเนินการ ประกอบด้วย 1. ด้านการขยายการลงทุน 2. ด้านการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพ 3. ด้านการเพิ่มศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์ และ 4. ด้านการดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน (ESG) โดยยังคงเดินหน้าขยายเครือข่าย “PRINC Group” สร้างศูนย์สุขภาพภูมิภาค ขยาย 2 โรงพยาบาลในพื้นที่กาญจนบุรี-กำแพงเพชร และมีแผนเปิดแผนกเด็ก โรงพยาบาลพิษณุเวช กำแพงเพชร 24 ชั่วโมงด้วย
ขณะที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH พบว่า มีรายได้รวม 2,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% และมีกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของรายได้จากศูนย์การแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาล, ศูนย์เกษมราษฎร์ พลาสติก เซอร์เจอร์รี่ (KPS), คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมรังสีรักษาเกษมราษฎร์ อารี รวมถึงปัจจัยบวกจากสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยโรคซับซ้อนในศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง และจำนวนผู้ประกันตนที่ลงทะเบียนในโครงการประกันสังคมกับโรงพยาบาลในเครือที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้จากผู้ป่วยในโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น 3.7%
อย่างไรก็ดีในไตรมาส 2 มีปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจคือ เป็นช่วงวันหยุดยาว และเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน รวมทั้งบริษัทให้ความสำคัญกับการรักษาฐานผู้ป่วยเดิมควบคู่กับการขยายฐานผู้ป่วยใหม่ อาทิ ผู้ป่วยชาวมัลดีฟส์ การขยายกลุ่มผู้ป่วยสิทธิข้าราชการ และสิทธิประกันสังคมถ้วนหน้าจากสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ของคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมรังสีรักษาเกษมราษฎร์ อารี การขยายสาขาศูนย์เกษมราษฏร์ พลาสติก เซอร์เจอร์รี่ อีก 2 แห่งในโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแคและโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล เป็นต้น