ชี้คนไทยป่วย “มะเร็งปอด” พุ่ง แพทย์ย้ำ PM 2.5 ปัจจัยเสี่ยงใกล้ตัว

23 มิ.ย. 2568 | 10:25 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2568 | 10:34 น.

WHO เผยสถิติผู้ป่วย “มะเร็งปอด” เพิ่มกว่า 77% ในอีก 25 ปี ขณะที่คนป่วยใหม่ 1.4 แสนคน เสียชีวิตวันละ 40 คน ขณะที่ปัจจัยเลี่ยงทั้งมลพิษอากาศ - PM2.5

รศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิ อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา อดีตอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคมะเร็งปอด ภายในงาน “มะเร็งรู้ทัน ป้องกันเป็น รักษาได้” จัดโดยชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 77% ภายใน 25 ปีข้างหน้า

สำหรับสถิติมะเร็งในประเทศไทย ในปี 2565 ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าแต่ละปีมีคนไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งรายใหม่ ประมาณ 1.4 แสนคน เสียชีวิตประมาณ 8.3 หมื่นคน เฉลี่ยวันละ 227 ราย โดยมะเร็งเต้านมยังคงมีสถิติเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยมะเร็งปอดเป็นอันดับ 2 แต่มีสถิติที่น่าตกใจ พบผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่เฉลี่ยวันละ 48 คน และมะเร็งปอดคร่าชีวิตคนไทยวันละ 40 ราย

รศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิ

หนึ่งในวิธีการป้องกันมะเร็งที่สำคัญมาก คือ อากาศ มะเร็งไม่ชอบออกซิเจน มะเร็งชอบสิ่งที่เป็นกรด ออกซิเจนน้อยๆ หากเราสามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มา จะช่วยส่งเลือดหมุนเวียนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้น ร่างกายจะแข็งแรง อายุยืน แต่ด้วยอากาศที่สกปรกของไทยที่ติดอันดับโลกไปแล้ว ทุกคนมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้ทั้งสิ้น

รศ.นพ.นรินทร์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่ากลัวมากในปัจจุบัน คือ อากาศเป็นพิษเต็มไปด้วย PM 2.5 เมื่อสูดดมเข้าสามารถเข้าไปลึกถึงหลอดลมจนกระทั่งเข้าไปในกระแสเลือดได้ ทำให้เกิดผลต่างๆ ต่อร่างกาย โดยเฉพาะในระบบทางเดินหายใจนั้น ทำให้ถุงลมโป่งพอง มีพังผืด มีแผลในปอด ปอดอักเสบ ติดเชื้อง่าย ส่งผลให้เป็นมะเร็งปอดได้ เพราะ PM 2.5 สามารถกระตุ้นให้เซลล์กลายพันธุ์อยู่แล้วแต่ยังไม่เป็นมะเร็งกลายพันธุ์เป็นเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งได้

ชี้คนไทยป่วย “มะเร็งปอด” พุ่ง แพทย์ย้ำ PM 2.5 ปัจจัยเสี่ยงใกล้ตัว

“เพื่อป้องกันสาเหตุของโรคมะเร็งปอด ควรหลีกเลี่ยงมลพิษ เสริมสร้างสุขภาพปอดด้วยการออกกำลังกายในที่อากาศบริสุทธิ์ รับประทานอาหารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บล็อกโคลี ชาเขียว แครอท ฟักทอง อาหารต้านการอักเสบ เช่น ขิง ขมิ้นชัน เป็นต้น ที่สำคัญควรตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะคนที่มีประวัติ สูบบุหรี่จัด มีแผลในปอด หรือเคยฉายแสงที่ปอด การตรวจพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ถึง 80%”

สำหรับมะเร็งปอดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-small cell lung cancer) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด และมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer) ซึ่งพบได้น้อยกว่า แต่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและการฉายแสงได้ดี

โดยมะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้อย่างชัดเจน แต่พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือการสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูบเองหรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง เพราะสารเคมีในบุหรี่มีฤทธิ์ทำลายเนื้อเยื่อปอดและกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาทิ ควันพิษจากท่อไอเสีย ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 1 – 1.4 เท่า

ชี้คนไทยป่วย “มะเร็งปอด” พุ่ง แพทย์ย้ำ PM 2.5 ปัจจัยเสี่ยงใกล้ตัว

กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่ หรือมีคนในครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็งปอด ทั้งนี้มะเร็งปอดในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ เป็นภัยเงียบ ก่อนที่จะแสดงอาการเมื่ออยู่ในระยะลุกลาม โดยสังเกตอาการได้จาก ไอเรื้อรัง (พบได้มากถึง 50–75% ของผู้ป่วย) ไอมีเลือดปนหรือเลือดสดในเสมหะ (พบ 25–50%) หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หายใจมีเสียงดัง หรือเสียงแหบ เป็นต้น

 

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,107 วันที่ 22 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568