เผยกลุ่มเสี่ยง "มะเร็งตับ" ดันสถิติคนไทยป่วยเฉียด 3 หมื่นรายต่อปี

21 มิ.ย. 2568 | 08:15 น.

เผยสถิติคนไทยป่วยโรคมะเร็งตับราว 2.7 รายต่อปี เสียชีวิตเฉลี่ย 3 คนต่อชั่วโมง ชี้กลุ่มเสี่ยงสูงในผู้ป่วยตับแข็ง ติดไวรัสตับอักเสบ และไขมันพอกตับ ควรตรวจ PIVKA-II และ GAAD Score จะช่วยตรวจวินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้น

สถิติจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า มะเร็งตับและท่อน้ำดี เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยในกลุ่มโรคมะเร็ง แต่ละปีมีผู้ป่วยใหม่ราว 2.7 หมื่นราย และเสียชีวิตมากถึง 2.6 ราย หรือเฉลี่ย 3 รายต่อชั่วโมง กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจเฝ้าระวังมะเร็งตับ ได้แก่ ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง 

โดยเฉพาะผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี,  ผู้ป่วยตับแข็ง ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี การดื่มแอลกอฮอล์หรือไขมันพอกตับ ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งตับ และในภูมิภาคเอเชียพบผู้ป่วยมะเร็งตับสูงถึง 73.3% ของผู้ป่วยทั่วโลก

เผยกลุ่มเสี่ยง "มะเร็งตับ" ดันสถิติคนไทยป่วยเฉียด 3 หมื่นรายต่อปี

บริษัทโรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้จัดเสวนา "พลิกโฉมการแพทย์มะเร็งแม่นยำ ด้วยนวัตกรรมจากห้องปฏิบัติการทางคลินิก" ในงานประชุมวิชาการเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย (47th ACMTT 2025) เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างแพทย์และนักเทคนิคการแพทย์ในการยกระดับการวินิจฉัยผู้ป่วยมะเร็ง 

โดยแพทย์ชี้ให้เห็นว่า Biomarker สำหรับวินิจฉัยมะเร็งตับชนิดใหม่ พิฟก้าทู หรือ Protein induced by vitamin K absence or antagonist II (PIVKA-II) สามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วย โดยช่วยตรวจพบมะเร็งตับระยะเริ่มต้นได้ถึง 78.9% เทียบกับ Biomarker สำหรับวินิจฉัยมะเร็งตับแบบเดิม Alpha-Fetoprotein (AFP) ที่ตรวจพบเพียง 36%

ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า บทบาทของห้องปฏิบัติการทางคลินิกในยุคการแพทย์มะเร็งแม่นยำมีความสำคัญมาก ซึ่งในอดีตการวินิจฉัยโรคมะเร็งทุกชนิดเป็นแบบเดียวกันหมด ส่วนการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค 

เผยกลุ่มเสี่ยง "มะเร็งตับ" ดันสถิติคนไทยป่วยเฉียด 3 หมื่นรายต่อปี

แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจใหม่ อาทิ เทคโนโลยี Next Generation Sequencing หรือ NGS  ทำให้รู้ว่าการตรวจมะเร็งมีความแตกต่างกันในแต่ละชนิด และนำไปสู่การรักษาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และ "มะเร็งตับ" นับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ร้ายแรงของไทย เนื่องจากในอดีตมีข้อจำกัดของเทคโนโลยี ทำให้ยากที่จะตรวจพบมะเร็งตับในระยะแรกที่ยังไม่มีอาการแสดง ผู้ป่วยส่วนใหญ่เข้ารับการรักษาเมื่อโรคอยู่ในระยะ 3-4 แล้ว ซึ่งลดโอกาสรอดชีวิตลงอย่างมาก 

"ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจใหม่ เป็นการตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งชนิดใหม่จากการตรวจเลือด ด้วยการตรวจโปรตีนที่เรียกว่า พิฟก้าทู หรือ PIVKA-II (Protein induced by vitamin K absence or antagonist-II)  และการ์ดสกอร์ หรือ GAAD Score ที่ทำให้การวินิจฉัยมะเร็งตับแม่นยำกว่าเดิมถึงสองเท่า”

นพ.ภาสกร วันชัยจิระบุญ รองประธานศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูงสาขามะเร็ง และรองผู้อำนวยการด้าน AI และนวัตกรรมทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี กล่าวว่ามีสาร "PIVKA-II เป็นสารชีวภาพที่ใช้บ่งชี้มะเร็งตับชนิด Hepatocellular carcinoma (HCC) ช่วยในการวินิจฉัย และติดตามผลการรักษาได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ร่วมกับการตรวจอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) และ AFP  จะเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจพบมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นและประเมินความรุนแรงของโรคได้ดียิ่งขึ้น"

เผยกลุ่มเสี่ยง "มะเร็งตับ" ดันสถิติคนไทยป่วยเฉียด 3 หมื่นรายต่อปี

โดยมี GAAD Score หรือค่าที่ได้จากการประมวลผลอัลกอริทึม จะเพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงมะเร็งเซลล์ตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้ ใช้ผลตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง AFP และ PIVKA-II ร่วมกับเพศและอายุ เพื่อช่วยให้การวินิจฉัย พบได้เร็ว และแม่นยำขึ้น กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจเฝ้าระวังมะเร็งตับ ได้แก่ ผู้ป่วยตับแข็ง ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี การดื่มแอลกอฮอล์หรือไขมันพอกตับ, ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง, ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง , ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง  ทำให้การพบระยะมะเร็งตับระยะต้น ทำให้เข้าสู่การรักษาที่หายขาด ได้ดีขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม การตรวจ PIVKA-II และ GAAD Score ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการคัดกรอง วินิจฉัย และติดตามผลการรักษามะเร็งตับในประเทศไทย โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่มีอาการแสดง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วยชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ด้วยการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำกว่าเดิม