นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า งาน Voice of Liver “ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็งตับ” จัดมาเป็นครั้งที่ 4 แล้ว เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกัน สร้างโอกาสในการเข้าถึงยานวัตกรรม และการรักษาที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทยให้มากขึ้น
โดย "มะเร็งตับ" เป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตประชาชนชาวไทยเป็นจำนวนมาก และเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สังคม และเศรษฐกิจ ในแต่ละปีประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 1.8 แสนคน โดยเฉพาะมะเร็งตับที่พบสูงถึง 2.7 หมื่นคน มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ ไวรัสตับอักเสบบี หรือ ซี การดื่มแอลกอฮอล์ และโรคไขมันพอกตับ เป็นต้น
กระทรวงสาธารณสุขในฐานะหน่วยงานหลักด้านสุขภาพ มีภารกิจสำคัญคือ การส่งเสริมสนับสนุนการสร้างสุขภาวะและสุขภาพที่ดีของประชาชนชาวไทย โดยมุ่งประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย พัฒนาแนวทางการป้องกัน การรักษา รวมทั้งการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขคือ “มะเร็งครบวงจร” ซึ่งดำเนินงานครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา บำบัด ฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจอย่างครบวงจร เพื่อจะช่วยลดอัตราการป่วย การเสียชีวิต และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ป่วย ภายใต้แนวคิด United by Unique “ทุกมุมมอง ประสบการณ์ และการมีส่วนร่วมของแต่ละบุคคลและชุมชน ล้วนมีความสำคัญ และเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง”
ทั้งนี้ ยังได้ดำเนินงานนโยบายเชิงรุกด้านโรคมะเร็ง ทำงานบูรณาการร่วมกับ Service Plan สาขาโรคมะเร็งในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีนโยบาย “มะเร็งรักษาทุกที่” หรือ Cancer Anywhere เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยมะเร็ง ให้สามารถเข้าถึงการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพทุกแห่งได้เร็วที่สุด โดยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะช่วยเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งตับได้เข้าถึงการรักษาด้วยยานวัตกรรมและการดูแลที่เท่าเทียมกัน
นายแพทย์ จำรัส พงษ์พิศ อายุรแพทย์ โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลหนองคาย และตัวแทนมูลนิธิรักษ์ตับ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดี "มะเร็งตับ" ถือเป็นภัยเงียบทางสุขภาพ ที่คุกคามชีวิตของคนไทยจำนวนมากอย่างต่อเนื่องมานับสิบปี เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่มักแสดงอาการเมื่อโรคดำเนินไปสู่ระยะลุกลามแล้ว ทำให้ตัวเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับระยะของโรคมีอยู่อย่างจำกัด
ในปัจจุบัน ผู้ป่วยมะเร็งตับในไทยนั้นได้รับการรักษาแบบประคับประคอง ซึ่งช่วยยึดการมีชีวิตรอดออกไปได้เพียง 3-5 เดือนเท่านั้น มูลนิธิรักษ์ตับ และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างตระหนักถึงภาระและความยากลำบากในการรักษาโรคของผู้ป่วยและครอบครัว ตลอดจนเล็งเห็นความสำคัญของการเข้าถึงการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยใช้ความก้าวหน้าในการรักษาโรคผ่านนวัตกรรมการรักษาต่างๆ
อาทิ ยานวัตกรรม และยามุ่งเป้า จึงได้แสวงหาแนวทางในการจัดให้มีเวทีระดมแพทย์ ผู้เชียวชาญ และผู้ป่วย ให้สามารถหารือ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการหาหนทางการรักษาโรคมะเร็งตับระยะลุกลามที่เป็นไปได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยและประชาชน ถือเป็นวัตถุประสงค์หลักในการจัดงานฯ จนเกิดเป็นการจัดประชุม Voice of Live ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็ง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา
การสนับสนุนแคมเปญ Voice for Change โดยภาคประชาชนร่วมมีบทบาทในการผลักดันให้พิจารณาสิทธิการรักษาพยาบาลของไทย เชื่อว่าจะช่วยขยายโอกาสการเข้าถึงการรักษา เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งตับ โดยจะเห็นได้ว่าในทุกๆ ครั้ง Voice of Liver ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็ง ให้ความสำคัญอย่างมากกับการรับฟังเสียงของผู้ป่วยและครอบครัว เพราะเชื่อว่าการหยิบยกปัญหา รวมทั้งข้อกังวลความต้องการจากผู้ป่วย ข้อสังเกตุจากบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนข้อเสนอแนะจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วย
มูลนิธิรักษ์ตับ ในฐานะกลุ่มผู้ป่วยโรคตับและมะเร็งเซลล์ตับ มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยและครอบครัว ได้เห็นและรับทราบปัญหารวมทั้งอุปสรรคในการเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็งตับด้วยยานวัตกรรม โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับระยะลุกลามนั้นลำบากเพียงใด เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลที่น่าสนใจว่า ยามุ่งเป้า ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะลุกลามมีอัตรารอดชีวิตราว 10-13 เดือน ในขณะที่การใช้ยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือด ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะลุกลามมีอัตรารอดชีวิตราว 19.2 เดือนในผู้ป่วยทั่วโลก และ 24 เดือนในผู้ป่วยในประเทศจีน
ปัจจุบันยังไม่มียาดังกล่าว บรรจุอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในไทย ภาครัฐจึงถือเป็นที่พึ่งของผู้ป่วยเหล่านี้ ในการผลักดันการบรรจุยานวัตกรรมเข้าสู่สิทธิการรักษาของคนไทยทุกคนได้อย่างเท่าเทียม เพื่อเพิ่มโอกาสการรักษาและสร้างความยั่งยืนด้านการรับมือกับโรคมะเร็งเซลล์ตับในระยะยาวต่อไป
ศ.เกียรติคุณ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า มะเร็งตับ ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ พบมากที่สุดในประเทศไทยมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ
การรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันมีความก้าวหน้าอย่างมาก มีการรักษาโดยใช้ "ยารักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด" ช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาแบบดั้งเดิม และยังช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะลุกลามมีอัตรารอดชีวิตยาวนานขึ้น แต่ปัจจุบันยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยากลุ่มดังกล่าวได้
การรณรงค์ต้านภัยมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ คือ การผลักดันการดูแลที่เข้าถึงผู้ป่วยมะเร็งทุกคนได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างยืนยาว โครงการ Voice of Liver “ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็ง” ครั้งที่ 4 จึงจะช่วยสะท้อนความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว รวมทั้งบูรณาการพลังที่สำคัญจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการผลักดันให้นวัตกรรมการรักษาใหม่ ๆ เข้าสู่สิทธิประโยชน์ของรัฐ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ป่วยมะเร็งตับทุกคนจะมีโอกาสได้รับการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม