จากกรณีที่ "สมเด็จ ฮุน เซน" ประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาที่มีสถานะเป็นบิดาของ "ฮุน มา เนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา" ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ได้ออกประกาศเกี่ยวกับมาตรการที่ทางกัมพูชาจะใช้ตอบโต้หากไทยไม่ยอมเปิดจุดผ่านแดน หนึ่งในนั้น คือ การส่งต่อผู้ป่วยที่เคยขอรับการรักษาจากไทยให้ไปยังโรงพยาบาลในประเทศหรือสถาบันการแพทย์ในประเทศอื่นนั้น
ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการเรื่อง "พยาบาลไทยในยุคดิจิทัล & Trend Health Partners" โดยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า การเจ็บไข้ได้ป่วย คนป่วยต้องหาโรงพยาบาลหรือหมอที่ดี คงเป็นข่าวโคมลอยกันไปซึ่งปัญหาทั่วไปได้มีการพูดคุยกันเรียบร้อยก็เชื่อว่าไม่นาน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าแรงงานกัมพูชาไม่ได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลนั้นก็เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการซึ่งมีแรงงานหรือบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยและเป็นผู้ติดตามอาจจะเข้ารักษาพยาบาลซึ่งจะไปดูระบบให้เกิดความสมบูรณ์โดยมีมติรัฐมนตรีเดิมอยู่แล้ว ยืนยันว่า การเข้ามารักษาพยาบาลก็ต้องจ่ายเงินเรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะกัมพูชา มีทั้งเมียนมาและประเทศอื่นด้วย ส่วนมีจำนวนมากน้อยแค่ไหนนั้นยังไม่มีการจัดทำบัญชีอาจมีเฉพาะที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงแรงงานที่เข้ารับรักษาผ่านระบบประกันสังคม
ส่วนผู้ติดตามแรงงานยังไม่มีการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการเรื่องนี้ได้เสนอเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรีแล้ว รอหยิบยกมาพิจารณา เมื่อถามถึงคนกัมพูชาสวมสิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและมีการดำเนินคดีกัน ไม่มีอะไรพิเศษเจ้าหน้าที่ต้องว่าไปตามนี้ ส่วนการรับมือการแนะแนวชายแดนเชื่อว่าจะมีการถกเถียงกันเพียงหนึ่งสัปดาห์คงจะจบแล้ว
ทั้งนี้ จากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับล่าสุด ระบุว่า ปีงบประมาณ 2567 มีคนต่างด้าวเข้ามาใช้บริการสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนทั้งสิ้น 8.7 แสนครั้ง โดยร้อยละ 19.3 เป็นคนต่างด้าวที่มีประกันสุขภาพเอกชนหรือชำระค่ารักษาพยาบาลเอง ร้อยละ 16.8 เป็นคนต่างด้าวที่ใช้สิทธิผ่านกองทุนบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิหรือบุคคลไร้รัฐ (ท.99) ร้อยละ 6.8 เป็นคนต่างด้าวที่ใช้สิทธิผ่านกองทุนประกันสังคม มีเพียงร้อยละ 4.3 ที่ใช้สิทธิผ่านกองทุนประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าว
ขณะที่คนต่างด้าวส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 52.8 เป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาใช้บริการที่สามารถชำระค่ารักษาได้บางส่วนหรือไม่สามารถชำระค่ารักษาได้ และคนต่างด้าวที่ไม่ระบุสิทธิ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าว ในพื้นที่ชายแดนไทย พบว่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีมูลค่า 2,315 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ถึงร้อยละ 12.6 โดยกว่าร้อยละ 76.3 ของมูลค่าดังกล่าวมาจากพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนคนต่างด้าวเข้ามารับบริการมากที่สุดเมื่อเทียบกับชายแดนอื่น
เมื่อจำแนกค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชากรต่างด้าวที่เรียกเก็บไม่ได้รายชายแดนต่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้ของชายแดนทั้งหมด จำแนกตามปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีรายละเอียด ดังนี้
1. ชายแดนไทย-เมียนมา ร้อยละ 76.3 จำนวนต่างด้าวที่เข้ามารับบริการทั้งสิ้น 5.7 แสนครั้ง ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บไม่ได้ 1.8 พันล้านบาท
2. ชายแดนไทย-กัมพูชา ร้อยละ 12 จำนวนต่างด้าวที่เข้ามารับบริการทั้งสิ้น 1.6 แสนครั้ง ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บไม่ได้ 277 ล้านบาท
3. ชายแดนไทย- ลาว ร้อยละ 7.8 จำนวนต่างด้าวที่เข้ามารับบริการทั้งสิ้น 1 แสนครั้ง ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บไม่ได้ 180 ล้านบาท
4. ชายแดนไทย-มาเลเซีย ร้อยละ 4 จำนวนต่างด้าวที่เข้ามารับบริการทั้งสิ้น 4.1 หมื่นครั้ง ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บไม่ได้ 93 ล้านบาท