5 เมนูเช้ายอดฮิตที่ควรเลี่ยง เสี่ยง “ไขมันพอกตับ” ไม่รู้ตัว

14 มิ.ย. 2568 | 07:15 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มิ.ย. 2568 | 07:16 น.

5 อาหารเช้าที่ควรเลี่ยง หมอเจดเตือน! อาจทำให้เสี่ยง “ไขมันพอกตับ” แบบไม่รู้ตัว เผยเมนูยอดฮิตที่ควรเลี่ยงหรือปรับพฤติกรรมก่อนสายเกินไป

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 “หมอเจด” หรือ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอเจด ว่า ปัจจุบันชีวิตเราเราเร่งรีบมากนะ เรื่องอาหารเช้าก็ต้องรีบตาม  หลายคนเลือกอาหารง่ายๆ สะดวก แต่ไม่รู้เลยว่า บางอย่างที่เรากินทุกวันเสี่ยง “โรคไขมันพอกตับ” โดยไม่รู้ตัว

วันนี้ในฐานะหมอที่เคยไปเป็นไขมันพอกตับมาก่อน อยากมาเล่าให้ฟัง อาหารเช้าบางอย่างที่เรากินกันเป็นประจำ จริงๆ แล้วเสี่ยงไม่รู้ตัว มาดูกันว่า มีอะไรบ้าง

 

5 เมนูเช้ายอดฮิตที่ควรเลี่ยง เสี่ยง “ไขมันพอกตับ” ไม่รู้ตัว

 

1. กาแฟส้ม

เคยเขียนไปแล้วนะอันนี้  กาแฟส้มที่หลายคนชอบกิน เพราะเปรี้ยวหวานสดชื่น บวกกับคาเฟอีนที่ช่วยปลุกให้ตื่นได้ทันทีในเช้าเร่งรีบ

พวกนี้มักมี “ไซรัป” หรือ “น้ำส้มเข้มข้น” ผสมน้ำตาลในปริมาณสูงมาก น้ำตาลฟรุกโตส (Fructose) ที่มาจากไซรัปหรือน้ำผลไม้เข้มข้น เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะถูกตับนำไปใช้โดยตรง

หากกินเกินความต้องการ ร่างกายจะเปลี่ยนฟรุกโตสส่วนเกินไปเป็น “ไตรกลีเซอไรด์” และสะสมในเซลล์ตับ กลายเป็น “ไขมันพอกตับแบบไม่ดื่มแอลกอฮอล์” หรือ NAFLD (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease)

ถ้ารักกาแฟ ลองเลือกกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลดีกว่า ดีกับตับกว่านะ

2. ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

อร่อยแต่ไขมันอิ่มตัวสูง เป็นเมนูคู่คนไทยมายาวนาน ข้าวเหนียวหมูปิ้ง คืออาหารเช้าที่หาซื้อง่าย กินง่าย อิ่มท้อง

แต่จุดอ่อนอยู่ที่ “หมูปิ้ง” ซึ่งมักผ่านการหมักด้วยน้ำตาล ซีอิ๊ว และไขมันหมูจำนวนมากเพื่อให้นุ่มและหอม

ไขมันจากหมูปิ้ง โดยเฉพาะ “ไขมันอิ่มตัว” (Saturated Fat) เมื่อกินในปริมาณมากเป็นประจำ จะกระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันในตับได้ โดยเฉพาะถ้าร่างกายไม่ได้เผาผลาญออกทัน จะเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และกลายเป็นไขมันพอกตับในระยะยาวแนะนำแบบนี้นะถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ลองลดปริมาณลง

 

5 เมนูเช้ายอดฮิตที่ควรเลี่ยง เสี่ยง “ไขมันพอกตับ” ไม่รู้ตัว

 

3. แซนวิชไส้กรอก-ชีส

หลายคนชอบความสะดวกของแซนวิชในร้านสะดวกซื้อ เพราะแค่หยิบ อุ่น และกินได้เลยในเวลาไม่ถึง 5 นาที แต่ถ้าสังเกตส่วนผสม จะพบว่าแซนวิชไส้กรอก ชีส มักเต็มไปด้วย “ไขมันทรานส์” และ “โซเดียม” สูง

ไขมันทรานส์ (Trans Fat) เป็นที่ไม่ดีกับของตับ เพราะมันไม่เพียงแต่ทำให้ไขมันในเลือดเสียสมดุล (LDL สูง, HDL ต่ำ) แต่ยังทำให้ตับอักเสบและกระตุ้นการเกิดพังผืดในตับได้ในระยะยาว

ถ้าอยากกินแซนวิช ลองทำเองที่บ้าน ใช้ขนมปังโฮลวีต ซาวเวอร์โดวทาอะโวคาโด บวกไข่ต้ม หรือแฮมไม่ใส่สารกันบูด จะได้สารอาหารครบถ้วนและดีต่อตับมากกว่า

4. ปาท่องโก๋+นมข้นหวาน

ใครจะคิดว่าเมนูเบาๆ อย่าง “ปาท่องโก๋จิ้มนมข้น“ แล้วเป็นเมนูที่ทำร้ายตับแบบเงียบๆปาท่องโก๋ทำจากแป้งขัดขาวล้วน ไม่มีไฟเบอร์ ฝเมื่อทอดในน้ำมันร้อนๆ จะดูดซับไขมันเข้าไปจำนวนมาก ยิ่งถ้าใช้น้ำมันทอดซ้ำ

ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงสารก่อมะเร็ง (Acrylamide) ส่วน “นมข้นหวาน” ก็ไม่ใช่นมแท้ๆ แต่น้ำตาลล้วนๆ ที่ผ่านการเคี่ยวเข้มข้น ใส่ตับเข้าไปลุยเต็มๆอันนี้เลี่ยงจะดีกว่านะ

 

5 เมนูเช้ายอดฮิตที่ควรเลี่ยง เสี่ยง “ไขมันพอกตับ” ไม่รู้ตัว

 

5. น้ำเต้าหู้

หลายคนคิดว่า “น้ำเต้าหู้” เป็นของดีเพื่อสุขภาพ ซึ่งก็จริง ถ้ากินแบบไม่ใส่น้ำตาลและไม่เติมของหวานอย่างฟองเต้าหู้ ถั่วแดง หรือแม้แต่ไข่มุกแต่น้ำเต้าหู้ในหลายร้านกลับหวานจัด ใส่น้ำตาลเยอะจนกลายเป็นของหวานไปแล้วน้ำตาลฟรุกโตสและกลูโคสจะพุ่งเข้าสู่ตับอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการสะสมไขมันได้ทันที โดยเฉพาะถ้ากินร่วมกับปาท่องโก๋อย่างที่เราชอบกินคู่กัน

ลองเปลี่ยนเป็น ดื่มน้ำเต้าหู้แบบไม่หวาน หรือลดหวาน และกินแยกกับของทอด เพื่อไม่ให้ตับต้องจัดการกับไขมัน+น้ำตาลพร้อมกันในเวลาเดียว

ไขมันพอกตับไม่ใช่โรคของคนอ้วนเท่านั้น แต่เป็นผลสะสมจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมในทุกๆ วัน โดยเฉพาะอาหารเช้าที่เราคิดว่า “ไม่เป็นไร กินทุกวันก็ยังโอเค” แต่จริงๆ แล้วร่างกาย โดยเฉพาะ “ตับ” อาจกำลังสะสมความเสี่ยงโดยที่เราไม่รู้ตัวเองแค่เลือกอาหารเช้าให้เหมาะสม ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว และไขมันทรานส์ เพิ่มโปรตีนดีๆ กับไฟเบอร์อีกหน่อย ตับก็จะมีโอกาสได้พัก ฟื้นตัว และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว ลองเอาไปปรับกันดู