ราชวิถีชวนตรวจ HIV ฟรีปีละ 2 ครั้ง ย้ำรู้เร็ว-รักษาเร็ว ลดแพร่เชื้อ

22 ธ.ค. 2568 | 08:47 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2568 | 09:03 น.

โรงพยาบาลราชวิถีเชิญหนุนประชาชนเข้ารับการตรวจ HIV ฟรีในระบบบัตรทอง พร้อมเข้าถึงยาต้านไวรัส PrEP และ PEP อย่างทั่วถึง หนุนเป้าหมายยุติปัญหาเอดส์ของประเทศในปี 2030

KEY

POINTS

  • โรงพยาบาลราชวิถีเชิญชวนประชาชนทั่วไปเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
  • การตรวจเพื่อรู้สถานะการติดเชื้อของตนเองได้เร็ว จะนำไปสู่การรักษาที่รวดเร็ว ซึ่งช่วยควบคุมปริมาณไวรัสและลดโอกาสการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
  • โรงพยาบาลให้บริการดูแลผู้ติดเชื้อแบบครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษาด้วยยาต้านไวรัส ไปจนถึงการให้ยาป้องกันก่อน (PrEP) และหลังสัมผัสเชื้อ (PEP)

โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า คลินิกอายุรกรรมโรคเมืองร้อนและโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลราชวิถี เป็นหน่วยงานหลักในการให้บริการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การรักษาด้วยยาต้านไวรัส การติดตามผลการรักษา ไปจนถึงการให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และสนับสนุนยุทธศาสตร์การยุติปัญหาเอดส์ของประเทศไทยภายในปี ค.ศ. 2030

นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2567 คลินิกอายุรกรรมโรคเมืองร้อนและโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลราชวิถี มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่อยู่ในระบบการดูแลสะสมมากกว่า 4,000 ราย และในแต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่เข้ารับการรักษาเฉลี่ยประมาณ 100–150 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายในช่วงอายุ 25–49 ปี รองลงมาคือเพศหญิงในช่วงอายุเดียวกัน ปัจจุบันคลินิกมีอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจำนวน 5 คน ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ คลินิกให้บริการครอบคลุมทุกสิทธิการรักษา ได้แก่ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิประกันสังคม สิทธิข้าราชการ รวมถึงผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยดำเนินงานภายใต้มาตรฐานการรักษาระดับสากล ตามเป้าหมาย “95–95–95” ขององค์การอนามัยโลก ได้แก่ ร้อยละ 95 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง ร้อยละ 95 ของผู้ที่ทราบผลติดเชื้อได้รับยาต้านไวรัส และร้อยละ 95 ของผู้ที่ได้รับยาสามารถควบคุมระดับไวรัสในเลือดจนตรวจไม่พบเชื้อ ซึ่งหมายถึงไม่สามารถแพร่เชื้อได้ (Undetectable = Untransmittable : U=U)

ด้านนายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า โรงพยาบาลราชวิถีสามารถบรรลุเป้าหมายในขั้นตอนสุดท้ายของแนวทาง 95–95–95 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับไวรัสในเลือดต่ำกว่า 50 copies/mL ได้สูงถึงร้อยละ 95.94 สะท้อนถึงคุณภาพการดูแลรักษาและระบบติดตามผู้ป่วยที่มีความเข้มแข็ง

ภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติ “Ending AIDS by 2030” ประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ การลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้เหลือไม่เกิน 1,000 รายต่อปี การลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อให้เหลือไม่เกิน 4,000 รายต่อปี และการลดการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวีและเพศภาวะลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ซึ่งคลินิกอายุรกรรมโรคเมืองร้อนและโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลราชวิถี ได้ดำเนินงานสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

ราชวิถีชวนตรวจ HIV ฟรีปีละ 2 ครั้ง ย้ำรู้เร็ว-รักษาเร็ว ลดแพร่เชื้อ

หนึ่งในกลไกสำคัญคือระบบติดตามผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ หากผู้ป่วยไม่มาตามนัด เจ้าหน้าที่จะติดต่อเพื่อติดตามทันที พร้อมให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ป่วยมีอุปสรรคในการมารับยา เช่น การจัดส่งยาทางไปรษณีย์ หรือการปรับเลื่อนนัดให้เหมาะสมกับปริมาณยาที่มีอยู่ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องและไม่ขาดช่วง

แพทย์หญิงมนัสวี วรรธนทวาทศ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลได้พัฒนาระบบบริการ Telemedicine เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางมาโรงพยาบาลได้ เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด ผู้ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดด้านเวลา โดยผู้ป่วยสามารถพูดคุย ติดตามอาการ และปรึกษาแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงสามารถส่งข้อความสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับแพทย์ผู้ดูแลได้โดยตรง

ราชวิถีชวนตรวจ HIV ฟรีปีละ 2 ครั้ง ย้ำรู้เร็ว-รักษาเร็ว ลดแพร่เชื้อ

สำหรับประชาชนทั่วไป โรงพยาบาลราชวิถีขอเชิญชวนให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งสามารถตรวจได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง ที่สถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การตรวจใช้เวลาไม่นานและทราบผลภายในวันเดียว พร้อมได้รับคำปรึกษาที่เหมาะสม รวมถึงสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัส ยาป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ (PrEP) และยาป้องกันหลังสัมผัสเชื้อ (PEP) ได้อย่างทั่วถึง

คลินิกอายุรกรรมโรคเมืองร้อนและโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลราชวิถี ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายระดับประเทศและระดับโลกในการยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2030 อย่างยั่งยืน