20 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสภาเภสัชกรรม ตลอดจนผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ร่วมลงพื้นที่ติดตามการให้บริการหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) จ.นนทบุรี เดินทางไปยัง "ร้านยาเมืองทอง ดรักเฮาส์" ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองทองธานีและโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
ทั้งนี้ ร้านยาเมืองทอง ดรักเฮาส์ เป็นหน่วยบริการที่เข้าร่วมในระบบ สปสช. ให้บริการ "30 บาทรักษาทุกที่" โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว ทั้งกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 กลุ่มโรค สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 7 รายการ สำหรับประชาชนไทยทุกสิทธิ ได้แก่ ชุดตรวจหาเชื้อ HIV, ชุดตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับ, ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก, ยาคุมกำเนิด, ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และถุงยางอนามัย นอกจากนี้ยังให้บริการยาเสริมธาตุเหล็ก-กรดโฟลิกในกลุ่มเป้าหมาย
ส่วน "ห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์" ในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ได้ร่วมจัดบริการตั้งแต่ปี 2567 โดยนำ "ระบบการแพทย์ทางไกล" (Telemedicine) ผ่านแอปพลิเคชัน "Clicknic" มาดูแลสุขภาพนักเรียนที่เจ็บป่วยหรือไม่สบาย ให้สามารถรับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ ครอบคลุมการดูแล 42 กลุ่มอาการ โดยได้รับยาตามรายการสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หน่วยบริการนวัตกรรมทั้ง 2 แห่งนี้ มีผลงานที่น่าประทับใจ และเป็นทางเลือกที่มีคุณภาพในการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนโดยในส่วนร้านยานั้น ประชาชนที่ใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท หากเจ็บป่วยหรือไม่สบาย สามารถเข้ารับบริการได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วม เพียงสังเกต "สติ๊กเกอร์ 30 บาทรักษาทุกที่" และใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการยืนยันสิทธิรับบริการซึ่งจะได้รับการดูแลจากเภสัชกรประจำร้านยาครอบคลุม 32 อาการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ปัจจุบันมีร้านยาที่ร่วมขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการกับ สปสช. แล้วประมาณ 6,000 แห่ง
"จากความร่วมมือของร้านยาในการดูแลประชาชนภายใต้ 30 บาทรักษาทุกที่ มีประชาชนรับบริการสะสมประมาณ 8 ล้านครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการตอบรับบริการของประชาชน ทั้งนี้ ร้านยายังได้เพิ่มคุณภาพการให้บริการ โดยนำระบบ AI มาร่วมวิเคราะห์อาการ ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น แต่ยังลดภาระบุคลากรและความแออัดในโรงพยาบาลด้วย" รมว.สาธารณสุข กล่าว
สำหรับห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์ในโรงเรียนขณะนี้ยังอยู่ในระยะนำร่อง ซึ่งในอนาคต กระทรวงสาธารณสุขและ สปสช. จะร่วมผลักดันให้มีการขยายบริการไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับห้องพยาบาลในโรงเรียน โดยระบบการแพทย์ทางไกลยังช่วยลดภาระของแพทย์ในโรงพยาบาลได้อีกทางหนึ่ง
นพ.จเด็จ กล่าวว่า การให้บริการของร้านยาเมืองทอง ดรักเฮาส์ ถือเป็นการนำบริการใกล้ชิดกับประชาชน โดยเพิ่มการเข้าถึงบริการผ่านสิทธิบัตรทองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง สปสช. กับสภาเภสัชกรรม ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 จนถึงปัจจุบัน ครบ 2 ปี ได้รับผลตอบรับที่ดีจากประชาชน ส่วนห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์ในโรงเรียนจากบริการที่ผ่านมา พบว่านักเรียนจำนวนมากต้องการคำปรึกษาด้านสุขภาพ
อย่างไรก็ดี ในการขยายบริการเบื้องต้น สปสช. จะดำเนินการในโรงเรียนที่มีห้องพยาบาลแต่ขาดบุคลากรประจำ โดยจะติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ภก.ปรีชา กล่าวว่า โครงการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 กลุ่มโรค เภสัชกรจะจ่ายยาตามอาการให้ผู้มีสิทธิบัตรทองรับประทานประมาณ 3–5 วัน พร้อมกับการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบอาการหลังได้รับยาแล้ว รวมถึงการป้องกันการใช้ยาเกินความจำเป็น ซึ่งหากอาการดีขึ้นจนหายป่วยก็จะสิ้นสุดการรักษา แต่หากอาการรุนแรงขึ้น เภสัชกรจะแนะนำให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันร้านยาที่เข้าร่วมบริการได้นำแอปพลิเคชันที่มีระบบ AI วิเคราะห์อาการผู้ป่วยมาใช้ร่วมให้บริการ ซึ่งช่วยให้เภสัชกรจ่ายยาได้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามนโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" ปัจจุบันมีร้านยาจำนวน 2,393 แห่ง จากร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. ทั้งหมด 5,629 แห่ง การเลือกร้านยาเข้ารับบริการขอให้สังเกตสติ๊กเกอร์ "30 บาทรักษาทุกที่" และ "ร้านยาของฉัน" ที่หน้าร้าน
ภญ.พรวิมล จิตรัตนโสภณ ผู้ประกอบการและเภสัชกรประจำร้านยาเมืองทอง ดรักเฮาส์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการ "30 บาทรักษาทุกที่" ในกรณีดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 กลุ่มอาการ เฉลี่ยวันละ 15–30 ราย โดยเภสัชกรประจำร้านยาจะทำการซักประวัติ และใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ร่วมวิเคราะห์อาการเบื้องต้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการจ่ายยา ทำให้ประชาชนผู้ใช้สิทธิไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 95 มีอาการดีขึ้น มีเพียงร้อยละ 5 ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อนที่จำเป็นต้องไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ เภสัชกรจะระบุข้อมูลอาการและยาที่จ่ายเบื้องต้นให้ผู้ป่วย เพื่อใช้ในการวินิจฉัยและรักษาของแพทย์ต่อไป "ที่ผ่านมา บริการ 30 บาทรักษาทุกที่ของร้านยาเราได้รับผลตอบรับที่ดีมาก พบว่าผู้ที่เคยใช้บริการกลับมาใช้บริการซ้ำและยังมีผู้มาใช้บริการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนในชุมชนรอบข้าง ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
นายนีล นิลวิเชียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คลิกนิกเฮลท์ จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Clicknic กล่าวว่า โครงการห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์ในโรงเรียน เป็นความร่วมมือของบริษัท คลิกนิกเฮลท์ฯ กับ สปสช. ที่มุ่งยกระดับการดูแลสุขภาพนักเรียน ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมแล้วจำนวน 129 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยให้บริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ไปแล้วกว่า 93,000 ครั้ง พร้อมรับยารักษาตามอาการ สำหรับข้อมูลของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ที่นี่มีนักเรียน 3,500 คน โดยเฉลี่ยมีนักเรียนเข้ารับบริการประมาณ 20–30 รายต่อวัน
ดร.จรุญ จารุสาร ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี กล่าวว่า ได้รับทราบโครงการนี้ผ่านศิษย์เก่า เห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพของนักเรียนอย่างมาก จึงเข้าร่วมโครงการ โดยร่วมกับ สปสช. และบริษัท Clicknic Health ในการยกระดับเป็น “ห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์” ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 2567 ซึ่งหลังจากเข้าร่วมโครงการ พบว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพนักเรียนลดลง เนื่องจากนักเรียนรับบริการโดยใช้สิทธิบัตรทอง ขณะเดียวกันก็มีบุคลากรด้านสาธารณสุขมาประจำคอยดูแลนักเรียน แทนครูเวรที่ไม่เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ถือเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนและโรงเรียนอย่างมาก