รพ.ขอนแก่น ขาดทุนลดลง 62 ล้าน หลังใช้ 7 มาตรการเร่งแก้ไข

15 พ.ค. 2568 | 08:45 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2568 | 08:46 น.

ผู้ตรวจราชการฯ สธ. เขตสุขภาพที่ 7 เผยความคืบหน้าแก้วิกฤตการเงิน รพ.ขอนแก่น รุก 7 มาตรการเข้ม หลังดำเนินการ 1 เดือน สถานการณ์เริ่มทรงตัว ล่าสุดขาดทุนลดลง 62 ล้านบาท

15 พฤษภาคม 2568 นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาโรงพยาบาลขอนแก่นขาดสภาพคล่อง 1,237 ล้านบาทว่า หลังจาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการติดตามสถานการณ์และวางนโยบายแก้ไขปัญหาโรงพยาบาลขอนแก่นขาดสภาพคล่อง และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านการเงินการคลังของโรงพยาบาลขอนแก่น

มีการประชุม 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 9 และ 25 เมษายน 2568 เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ ทบทวนการบริหารจัดการช่วงที่ผ่านมา และสืบสวนหาสาเหตุของปัญหาเพื่อแก้ไขได้ถูกจุด โดย นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ สาธารณสุขนิเทก์ เขตสุขภาพที่ 7 ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านการเงินการคลังฯ รายงานว่า ตรวจพบรายรับเงินบำรุงไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากขาดประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ผู้ป่วยสิทธิข้าราชการและชำระเงินเองมีน้อยกว่าโรงพยาบาลที่ขนาดและปริมาณผู้ป่วยใกล้เคียงกันเพราะมีทางเลือกไปรับบริการที่โรงพยาบาลอื่น

นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7

ขณะที่การควบคุมรายจ่ายเงินบำรุงก็ไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นไปตามแผน โดยมีต้นทุนค่าแรงสูงกว่าโรงพยาบาลที่ขนาดและปริมาณผู้ป่วยใกล้เคียงกัน และยังขาดประสิทธิภาพในการควบคุมกำกับการบริหารจัดการภายใน ดังนั้นในระยะแรกคณะกรรมการฯ จึงวางเป้าหมายที่จะหยุดการขาดทุนของกระแสเงินสดหรือเงินบำรุง ให้มีรายรับมากกว่าหรือเท่ากับรายจ่าย โดยเจ้าหนี้ไม่เพิ่มขึ้นและมีปริมาณคงคลังที่เหมาะสม โดยให้โรงพยาบาลดำเนินการตามแนวทางและมาตรการดังนี้

1. ร่วมกันจัดทำแผนเงินบำรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยจัดทำเป็นแผนสมดุลรายรับและรายจ่ายเงินบำรุง และให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลควบคุมกำกับอย่างเคร่งครัด

2. จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านการจัดเก็บรายได้ โดยการมีส่วนร่วมของแผนกต่างๆ เพื่อเพิ่มรายรับเงินบำรุงให้มากกว่า 10%

3. ให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องด้านต้นทุนพัสดุ ทบทวนรายการที่มีมูลค่าการใช้สูงสุด 20 อันดับแรก และกำหนดมาตรการควบคุมการใช้ให้เหมาะสม เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพัสดุให้ลดลงมากกว่า 20%

4. ให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามระเบียบและแผนเงินบำรุง

5. ให้มีการจัดทำ Dashboard สถานการณ์การเงินของโรงพยาบาลเพื่อสื่อสารให้บุคลากรรับทราบข้อมูลและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา

6. แก้ไขปัญหาสภาพคล่อง โดยเร่งรัดการเรียกเก็บลูกหนี้จากหน่วยบริการภายในจังหวัดและเขตสุขภาพ พร้อมทั้งนำมาตรการเพิ่มรายรับและควบคุมรายจ่ายเงินบำรุงจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้องมาจัดทำ "แผนฟื้นฟูกิจการ" เสนอคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ และขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากส่วนกลาง

7. ให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลเร่งแก้ไขตามข้อเสนอแนะของกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข

คณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ จะติดตามการดำเนินงานตามมาตรการเป็นประจำทุกเดือน เพื่อประเมินสถานการณ์และปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสม พร้อมทั้งจะประสานกลุ่มตรวจสอบภายในของกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนทีมมาช่วยตรวจสอบการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่ผ่าน ๆ มาด้วยเพื่อค้นหาปัญหาและแก้ไขให้ตรงจุด

เบื้องต้นจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ประมาณ 1 เดือน พบว่า สถานการณ์เริ่มทรงตัวจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ติดลบ 1,237 ล้านบาท ล่าสุดวันที่ 13 พฤษภาคม ติดลบ 1,175 ล้านบาท ลดลงประมาณ 62 ล้านบาท ซึ่งการแก้ไขเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลาและต้องร่วมกันดำเนินการให้ได้ตามแนวทางมาตรการที่วางไว้ นพ.เอกชัยกล่าว