นายแพทย์ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ากว่า 1.2 ล้านคนในประเทศไทย แต่นอกเหนือจากนี้หลายคนก็มีอาการแต่ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า หรืออีกนัยหนึ่งคิดว่าไม่เป็นอะไร จนอาการรุนแรง โดยบางคนอาจแสดงออกตรงข้ามเพื่อบอกว่ายังไหว เรียกว่า ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น (Smilling depression)
นายแพทย์ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์ และกรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ กล่าวว่า ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นมักไม่พบอาการซึมเศร้าที่ชัดเจน ผู้ป่วยโรคนี้หลายคนยังรับผิดชอบหน้าที่การงานได้ พูดจาทักทาย ยิ้มแย้มกับคนใกล้ชิดได้เหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่มักมีความวิตกกังวล ไม่มีความสุข พูดถึงหรือแสดงอาการเจ็บป่วยทางกายให้เห็นบ่อยๆ
เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดท้อง เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง หลายคนเมื่อไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของการเจ็บป่วยทางกาย ก็ไม่พบความผิดปกติทางกายใดๆ อย่างชัดเจน
ในบางรายอาจมีอาการทางพฤติกรรมแบบ Perfectionist ดังนี้
นายแพทย์ไกรสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นยังคงทำงานได้ รับผิดชอบงานได้ แต่อาจไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่ เนื่องจากความเครียด ความกังวลมากเกินไป ต่างจากผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ที่มีอาการซึมเศร้าจนไม่สามารถรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ครอบครัว หรือตนเองได้เลย
ผู้มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นมีสุขภาพจิตไม่แข็งแรง ทำให้ความสามารถในการรับมือกับปัญหา ความผิดหวังจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่เข้ามาในชีวิตจะทำได้ไม่ดี นำไปสู่การป่วยทางจิตใจต่อไป อาจถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้ และหากไม่สามารถปรับตัวได้อีกก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนถึงการฆ่าตัวตายก็เป็นได้
สำหรับการดูแลรักษาผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นอาจมีความยุ่งยาก เพราะมีผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นจำนวนมากไม่ยอมรับว่าตนเองมีภาวะเจ็บป่วยทางจิตใจ มองว่าตนเองเจ็บป่วยทางกายเท่านั้น จึงมักปฏิเสธการเข้าพบจิตแพทย์ และเลือกที่จะเก็บกดปัญหาเอาไว้ ดังนั้น การพาผู้ป่วยมาพบจิตแพทย์เพื่อได้รับการช่วยเหลือ ต้องอาศัยคนใกล้ชิดที่ผู้ป่วยเชื่อถือ ไว้วางใจ เข้าใจในตัวโรค และเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้ผู้ป่วยยอมรับการช่วยเหลือได้ และการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จ วิธีการดูแลช่วยเหลือแต่ละรายอาจไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้สึกว่าคนใกล้ชิดมีปัญหา หรือแม้กระทั่งสังเกตตัวเองแล้วเข้าข่ายเฝ้าระวัง ควรทำแบบสำรวจภาวะซึมเศร้าและสุขภาพใจ หรือไปพบบุคลากรทางด้านสุขภาพจิตเพื่อไม่ให้สายเกินไปและเข้าสู่การรักษาได้อย่างทันท่วงที ทั้งสามารถขอรับคำปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลจาก กรมสุขภาพจิตและโรงพยาบาลมนารมย์