30 เมษายน 2568 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดแสดงอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 Osaka, Kansai เพื่อปรับปรุงการนำเสนอเนื้อหาภายในอาคารนิทรรศการไทย ซึ่งมี นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. เป็นเลขานุการ โดยนายแพทย์โอภาส ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ นายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรม สบส. พร้อมด้วย นายวินิจ เลิศรัตนชัย ที่ปรึกษาคณะทำงานปรับปรุงเพื่อเสนอแนะการจัดแสดงนิทรรศการไทย ร่วมแถลงข่าว
นายแพทย์กรกฤช รองอธิบดีกรม สบส. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการในวันนี้ได้มีข้อคิดเห็นในการปรับปรุงเนื้อหาการจัดแสดงอาคารนิทรรศการไทยในงาน Expo 2025 Osaka, Kansai ให้เหมาะสมมีประสิทธิภาพ โดยนำข้อสั่งการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำมาปรับใช้ในการปรับปรุงงาน อาทิ การเพิ่มเทคโนโลยีการนำเสนอที่ทันสมัย ให้สามารถสร้างประสบการณ์อันดื่มด่ำและเสมือนจริง (Virtual and Immersive Experience) มีการปรับปรุงเส้นทางการเดินชมนิทรรศการ โดยใช้สัญลักษณ์และป้ายบอกตำแหน่ง
พร้อมจัดทำแผ่นพับเพื่อบ่งบอกตำแหน่งและเนื้อหานิทรรศการอย่างชัดเจน การแก้ไขระบบแสง เสียง ภาพ และองค์ประกอบให้ร่วมสมัย ฯลฯ ซึ่งจะมีการระดมความคิดเห็นจากทีมที่ปรึกษา และตัวแทนจากทุกภาคส่วน ก่อนแจ้งไปยังผู้รับจ้างให้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงโดยจะมีการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์
กรม สบส.จะมีการติดตามการปรับปรุงเนื้อหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อผู้เข้าชมให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 – 29 เมษายน 2568 มีผู้เข้ารับชมอาคารนิทรรศการไทย รวม 142,662 คน เฉลี่ยวันละ 8,391 คน สามารถจำหน่ายอาหารไทยได้ 8,700 เสิร์ฟ โดยมีเมนูที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ข้าวเหนียวไก่ย่าง ส้มตำไทย ต้มยำกุ้ง และข้าวซอยไก่ สำหรับยอดผู้ชมที่มีมากกว่า 1.4 แสนคน ถือว่า อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ เชื่อว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือกว่า 5 เดือน อาคารนิทรรศการไทยจะสามารถเพิ่มยอดผู้เข้าชมเฉลี่ยในแต่ละวันมากกว่านี้ได้
ขณะที่นายวินิจ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาคารนิทรรศการไทยยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุงเพื่อความเข้มข้นของเนื้อหาในการสื่อสารเพื่อให้ผู้เข้าชมเข้าถึงเนื้อหาที่ผู้จัดต้องการสื่อทั้งในด้านของสาธารณสุขไทยและนโยบายภาครัฐ ซึ่งจะมุ่งเน้นในการปรับปรุงใน 3 ส่วน ได้แก่
1.เนื้อหาต้องมีความครอบคลุม ชัดเจน น่าจดจำ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เนื้อหาที่นำเสนออาจจะมีความหลากหลายมากเกินไป ทำให้การจดจำไม่ครอบคลุม จึงต้องมีการปรับเนื้อหาให้ชัดเจนขึ้น โดยจะมุ่งเน้นในส่วนนวัตกรรมทางการแพทย์ สมุนไพร และ Wellness ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศ
3.กิจกรรมเสริมภายในงาน จะต้องสร้างความประทับใจ สามารถนำเสนออัตลักษณ์ มนต์เสน่ห์ของประเทศไทยได้อย่างชัดเจน รวมทั้งสร้างความผ่อนคลายให้ผู้เข้าชมในระหว่างที่รอคิวเข้าอาคารนิทรรศการด้วยทีมนักแสดงที่มากความสามารถ ซึ่งตะเป็นตัวแปรสำคัญในการดึงดูดผู้ร่วมงานมายังอาคารนิทรรศการไทย
ด้านนายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า หลังจากมีเสียงวิพากวิจารณ์ได้ปรับปรุงรายละเอียดบางส่วนไปบ้างแล้ว สำหรับห้องที่ถูกวิพากวิจารณ์อยู่ในขณะนี้ คือ โซน 100 ที่เตรียมเพิ่มจำนวนคนอธิบายรายละเอียดให้มากขึ้น ขณะที่โซน virtual and immersive experience เตรียมเพิ่มเติมเนื้อหาให้รายละเอียดระหว่างการรอการแสดงให้เกิดขึ้นความเข้าใจและชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย