29 เมษายน 2568 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในแต่ละปี สปสช.จะทำการสรุปผลการดำเนินงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ในการดูแลและคุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพให้กับประชาชนไทยที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพภาครัฐรองรับ ซึ่งได้ขอรับจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล เพื่อนำรายงานต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
ทั้งนี้ สำหรับปีงบประมาณ 2567 (ต.ค. 66 - ก.ย. 67) สปสช.ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 152,738.24 ล้านบาท (ไม่รวมเงินเดือนบุคลากรภาครัฐ 64,890.72 ล้านบาท) ในจำนวนนี้เป็นงบเหมาจ่ายรายหัว อัตราเฉลี่ยจำนวน 3,472.24 บาทต่อผู้มีสิทธิ ในการดูแลผู้มีสิทธิจำนวน 47.671 ล้านคนโดยมีประชาชนใช้สิทธิบัตรทองเข้ารับบริการผู้ป่วยนอก จำนวน 176.54 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นอัตรา 3.754 ครั้งต่อคนต่อปี เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้คิดเป็นร้อยละ 105.93
ขณะที่การรับบริการผู้ป่วยในอยู่ที่จำนวน 6.92 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นอัตรา 0.147 ครั้งต่อคนต่อปี เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าถึงสิทธิบัตรทองและการรักษาพยาบาลที่เพิ่มมากขึ้นของประชาชน
ขณะที่การรับบริการในรายการที่อยู่นอกงบเหมาจ่ายรายหัวนั้น ภาพรวมประชาชนใช้สิทธิในการเข้าถึงบริการตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน ได้แก่
บริการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ : มีผู้ที่ลงทะเบียนในระบบการให้บริการผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ (NAP) จำนวน 323,226 คน ในจำนวนนี้รับยาต้านไวรัส จำนวน 315,200 คน ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่ขอรับการจัดสรรหรือคิดเป็นร้อยละ 105.27
อย่างไรก็ดี จากการตรวจหาปริมาณไวรัสจำนวน 244,399 คน มีผู้ติดเชื้อที่สามารถกดปริมาณไวรัสในกระแสเลือดได้ 239,921 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 76.12
บริการบำบัดทดแทนไตวายเรื้อรัง : มีผู้ป่วยที่รับบริการในระบบจำนวน 100,531 คน เกินจากเป้าหมายที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ หรือคิดเป็นร้อยละ 136.43 จำแนกเป็น
ทั้งนี้ ที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายที่ให้ผู้ป่วยสามารถเลือกบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
บริการควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรคสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง : มีผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับบริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน เพื่อควบคุมป้องกันความรุนแรงและชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างต่อเนื่อง จำนวน 4,423,716 คน คิดเป็นร้อยละ 99.46 ของเป้าหมายฯ
บริการผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน : มีผู้ป่วยลงทะเบียนเข้าร่วมรับบริการ จำนวน 13,288 คน โดยได้รับการติดตามเยี่ยมครบ 4 ครั้งตามเป้าหมาย 12,367 คน เกินจากเป้าหมายฯ คิดเป็นร้อยละ 100.78
ทั้งนี้ เป็นผลของความร่วมมือระหว่างหน่วยบริการแม่ข่าย จำนวน 122 แห่ง และหน่วยบริการลูกข่าย 960 แห่ง รวมทั้งหน่วยบริการปฐมภูมิที่ติดตามในพื้นที่ 2,855 แห่ง ทำงานร่วมกับชุมชนจัดบริการและติดตามต่อดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน
บริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิง (LTC) : มีผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ทุกสิทธิ ทุกกลุ่มอายุ ที่ได้รับบริการสาธารณสุขจำนวน 468,517 คน คิดเป็นร้อยละ 81.57 จากเป้าหมายฯ และเพื่อให้ครอบคลุมการดูแล ในปี 2567 โดยมีกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น (กปท.) ร่วมให้บริการ LTC 7,352 แห่ง หรือร้อยละ 94.79 จาก กปท. ทั้งหมด
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดารพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามงบประมาณปี 2567 ที่ได้รับจัดสรร สปสช.ได้จ่ายตามเกณฑ์พื้นที่กันดาร/พื้นที่เสี่ยงภัย 168 แห่ง และจ่ายตามเกณฑ์พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 57 แห่ง ทั้งนี้มีหน่วยบริการได้รับการจัดสรรทั้ง 2 เกณฑ์ จำนวน 39 แห่ง
นอกจากนี้ยังมีบริการสาธารณสุขปฐมภูมิ ทั้งบริการปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ประจำครอบครัว บริการสาธารณสุขวิถีใหม่และบริการนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ โดยรวมมีประชาชนเข้ารับบริการทั้งสิ้นจำนวน 17.79 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 97.75 เทียบกับเป้าหมาย
บริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) ปีงบประมาณ 2567 มีกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ได้รับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระดับพื้นที่ ได้แก่ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด กลุ่มเด็กเล็กและเด็ก่อนวัยเรียน กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง กลุ่มคนพิการและทุพลภาพ และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง จำนวน 42,598,645 คน คิดเป็นร้อยละ 160.53 จากเป้าหมายที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ
ขณะที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัดที่มี 69 จังหวัดเข้าร่วมจัดตั้งกองทุนฯ มีกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการฟื้นฟูฯ และได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ จำนวน 192,804 คน คิดเป็นร้อยละ 71.15 จากเป้าหมายฯ
นอกจากนี้ยังมีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับประชาชนไทยทุกคน ภายใต้สิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบ ในปีงบประมาณ 2567 ได้ครอบคลุมการให้บริการประชากรผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ จำนวน 66,807,912 คน คิดเป็นร้อยละ 100.71 จากเป้าหมายที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ
"ข้อมูลที่ปรากฏนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานกองทุนบัตรทองปีที่ผ่านมา ซึ่ง สปสช. ได้ดำเนินการภายใต้การกำกับของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งในหลาย ๆ รายการจะเห็นได้ว่า มีประชาชนเข้ารับบริการเกินจากเป้าหมายที่ สปสช. ได้รับการจัดสรรงบประมาณ
เหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการคุ้มครองสิทธิและการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของประชาชนเท่านั้น แต่งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรสู่กองทุนฯ ได้ถูกนำไปใช้ที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนโดยตรงอย่างคุ้มค่า ในด้านการดูแลสุขภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี รวมไปถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้นของประชาชนที่มีต่อการใช้สิทธิบัตรทอง" เลขาธิการ สปสช. กล่าว