นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 เมษายน 2564 อนุมัติให้ประเทศไทยเข้าร่วมการจัดงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ที่ประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 13 เมษายน - 13 ตุลาคม 2568 และได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก นับเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะได้แสดงศักยภาพทางด้านการแพทย์ การดูแลสุขภาพในระดับโลก ที่สำคัญที่สุดคือเป็นโอกาสให้ประเทศไทย นำพาความภาคภูมิใจและซอฟต์พาวเวอร์ไปให้ชาวโลกได้รับรู้ที่ประเทศญี่ปุ่น
ในส่วนของอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ตั้งอยู่ในพื้นที่ A13 โซน Connecting Lives รูปแบบการก่อสร้างแบบ Type A หมายถึงประเทศที่ได้รับพื้นที่ขนาดใหญ่ ออกแบบและดำเนินการก่อสร้างเอง ทำให้สามารถสะท้อนถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรม รวมไปถึงศักยภาพของประเทศไทยได้อย่างเต็มที่มีไฮไลท์ความโดดเด่นทางการแพทย์ ทั้งมาตรฐานของโรงพยาบาลและความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์ในด้านต่างๆ รวมถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทย และอาหารพื้นถิ่น สามารถต่อยอดทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของคนทั้งโลกได้
"งาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN จัดขึ้นทุก 5 ปี และตอนนี้อาคารนิทรรศการ Thailand Pavilion ที่เราลงทุนไปกว่า 900 ล้านบาท เสร็จไปแล้วประมาณ 90% คาดว่าจะเสร็จก่อนเดือนเมษายน 2568 และทดลองระบบก่อนเปิดจริง ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพประมาณการณ์ไว้ว่าผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ 80% น่าจะเป็นคนท้องถิ่นของญี่ปุ่น อีก 20% จะเป็นชาวต่างชาติอื่นๆ ซึ่งการแพทย์ถือเป็นมุมมองใหม่ที่ประเทศไทยจะนำเสนอ"
นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า สำหรับปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักสำหรับจัดแสดงนิทรรศการไทย ใต้แนวคิด “Designing Future Society for Our Lives” โดยนำเสนอแนวคิดหลัก คือ “THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness” หรือ สร้างสรรค์ชีวิตเพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดและแสดงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลก
สะท้อนผ่านการออกแบบของอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) รวมอัตลักษณ์และเอกลักษณ์หลายแขนง ด้วยแนวคิดภูมิปัญญาไทยเชื่อมต่อกับผู้คนทั้งโลก รวมระยะเวลาตลอด 6 เดือน โดยการจัดแสดงจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งภาพรัฐและเอกชน ดังนี้
ทั้งนี้ โลโก้ประจำอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในครั้งนี้คือ เฉลว ที่มีแนวความคิดมาจากเฉลวไม้จักสานที่ปักบนหม้อยา อันเป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์แผนไทยตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยสื่อความหมายถึงภูมิปัญญาไทยในการดูแลใส่ใจด้านสุขภาพ
ภายในอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ได้จัดแสดงนิทรรศการจาก 1 สู่ 1 ล้าน นำประเทศไทยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก (Medical and Wellness Hub) ประกอบด้วย
1 หมุดหมายสุขภาพโลก (World’s destination for healthcare and wellness) ปักหมุดอาคารนิทรรศการไทย ร่วมทำสัญลักษณ์ถ่ายภาพเช็คอินเพื่อแชร์ให้ทั่วโลกได้รู้จักดินแดนแห่งความกินดี อยู่ดีสไตล์ไทยๆ โดยมี “น้องภูมิใจ” มาสคอตตัวแทนประเทศไทยรอต้อนรับทุกคนอย่างเป็นมิตร
10 มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย (Enchantments of Thailand)
นำเสนอความงดงามของธรรมชาติ ภูมิปัญญา สมุนไพรไทย มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย ความเป็นเลิศด้านการแพทย์ และรอยยิ้มของผู้คน ผ่านการจัดแสดงแบบ Immersive Experience ภายในโรงภาพยนตร์ Wisdom of life Immersive Theater
100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย (Potentials of Thai Public Health System)
นำเสนอเรื่องราวการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ไทยอย่างครบวงจรผ่านวิดีทัศน์ “Eye Opener เปิดโลกระบบสาธารณสุขไทย” ควบคู่กับวัตถุจัดแสดงกว่า 100 สิ่ง ที่สื่อถึงศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทย
พาผู้ชมท่องไปในโลกสาธารณสุขไทยที่ประกอบไปด้วย Medical service hub สถานบริการรักษาพยาบาลแบบครบวงจรที่ได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล Academic hub การเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยด้านการแพทย์และการวิจัย Wellness hub สถานบริการที่รองรับการพักผ่อนเพื่อรักษาสุขภาพที่เน้นการฟื้นฟูและรักษาสุขภาพ รวมทั้ง Product Hub ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
1,000 สถานบริการทางการเเพทย์ (Medical Facilities) นำเสนอศักยภาพทางการแพทย์และการบริการ ของไทยที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ผ่านทัชสกรีนที่สามารถเข้าถึงการรักษา 15 กลุ่มโรคที่นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์นิยม มารักษาที่ไทย ผ่านโรงพยาบาลในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานสากล ตลอดจนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่นำเสนอสปาและเวลเนสที่ได้รับมาตรฐาน Thai World Class Spa และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของไทย
อีกทั้งสามารถสัมผัประสบการณ์ผ่อนคลายผ่านห้องจัดแสดง “ท่วงทำนองแห่งสุขภาพดีแบบไทย” ตามหลักเเพทย์เเผนไทยที่จะช่วยบำบัด ผ่อนคลาย ปรับสมดุลร่างกายแก่ทุกคน นอกจากนี้ รอบห้องจัดแสดงยังนำเสนอศักยภาพทางการแพทย์ของไทยผ่านการจัดอันดับที่ทั่วโลกยอมรับ เช่น ประเทศที่ฟื้นตัวและรับมือสถานการณ์ โควิด-19 ได้ดีที่สุด ประเทศที่มีกิจกรรมเชิงสุขภาพและสถานบริการเพื่อสุขภาพดีติดอันดับโลก ฯลฯ เสมือนข้อพิสูจน์ว่าประเทศไทยเป็นหมุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างแท้จริง
10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เรียนรู้เรื่องราววัตถุดิบและอาหารไทย ผ่านโซนจัดแสดงต่าง ๆ ได้แก่ “เกมรังสรรค์เมนูสุขภาพสไตล์คุณ” ผ่าน Art Wall Installation และรับชม “อาหารไทยติดอันดับโลก” ที่สามารถเลือกดูเมนูอาหาร ติดอันดับผ่าน Interactive Table เช่น ผัดกะเพรา ผัดไทย มัสมั่น ฯลฯ ทั้งยังต่อยอดเป็นเมนูฟิวชั่นต่าง ๆ เช่น พิซซ่ากะเพรา ไข่ดาว เกี๊ยวซ่าผัดไทย สเต็กซอสมัสมั่น ฯลฯ พร้อมรู้จักกับ “สำรับอาหารไทย 4 ภาค” ที่จำลองเมนูสุขภาพของแต่ละภูมิภาคซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบของไทย
100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน พื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย ทั้งเครื่องแต่งกาย ของใช้ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าที่ระลึก ผลิตภัณฑ์หัตถกรรม รวมถึงโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ที่ทุกคนล้วนเข้าถึงสุขภาพดีในแบบไทยๆได้
1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ พื้นที่รวบรวมล้านความรู้สึกประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ได้มีส่วนร่วมแบ่งปันรอยยิ้มให้กับคนทั่วโลก
พร้อมกันนี้ จัดให้แสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ที่จะมาสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจและความประทับใจแก่ ผู้ที่มาร่วมชมงาน โดยมีแนวคิดหลัก คือ Creative Performances ยิ้มสยามงามสู่สังคมโลก เพื่อผลักดัน Soft Power เผยแพร่ความเป็นไทยผ่านการแสดงที่เข้าถึงได้ง่ายและร่วมสมัยในสไตล์ Contemporary Fashionable ซึ่งการแสดงในแต่ละชุดนั้นจะแสดงให้เห็นภูมิวัฒนธรรมของประเทศไทยที่ผูกพัน
สอดคล้องกับธรรมชาติ วิถีชีวิต และตามฤดูกาลที่หมุนเวียน ทั้งการละเล่น และประเพณีที่หลากหลาย สามารถสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน รวมทั้งมอบความประทับใจให้แก่ผู้มาเข้าชมทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ จากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมจัดกิจกรรมตลอดการจัดงาน